รบ.แจงเงื่อนไข แจกเงินคนละ 3 พัน 15 ล้านสิทธิ์เท่านั้น ปฏิเสธเอื้อทุนใหญ่

รบ.แจงเงื่อนไข แจกเงินคนละ 3 พัน 15 ล้านสิทธิ์เท่านั้น ปฏิเสธเอื้อทุนใหญ่

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่สื่อออนไลน์บางสำนักรายงานโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชน 15 ล้านสิทธิ์ รับ 3,000 บาท เพื่อจับจ่ายใช้สอย เป็นการเอื้อทุนใหญ่ เงินเข้ากระเป๋าห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อนั้น รัฐบาลขอชี้แจงว่า

โครงการดังกล่าวเป็นมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ที่ต่อยอดจากโครงการชิมช้อปใช้ โดยร้านค้าที่เข้ามาโครงการจะยังเหมือนเดิม แต่วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ เพื่อขยายร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมายคือกลุ่มร้านค้าหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วย ร้านขายข้าวแกง ร้านขายอาหารและเครื่องมือตามตลาดหรือตลาดนัด เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อกระจายรายได้ลงสู่ผู้ประกอบการรายเล็กให้ได้มากที่สุด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เพื่อให้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจถึงมือผู้ประกอบการรายเล็กมากที่สุด โครงการดังกล่าวจึงได้กำหนดหลักการเบื้องต้น ให้สามารถใช้จ่ายได้วันละ 100 บาท โดยรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้ได้รับสิทธิ์ออกเอง 50 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องในการจับจ่ายใช้สอยกับผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น การซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ตามร้านค้าหาบเร่แผงลอง หรือร้านโชห่วย โดยภาครัฐจะพยายามช่วยให้ผู้ค้ารายเล็กรายน้อย ได้เข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด เพื่อจะเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล

“สำหรับโครงการดังกล่าว รัฐบาลต้องการช่วยเรื่องค่าครองชีพของประชาชน พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจให้ลงไปสู่ผู้ค้ารายเล็กรายน้อย หลังจากที่ได้ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยไม่ได้ตั้งเป้าให้เงินเข้ากระเป๋าทุนใหญ่แต่อย่างใด แม้โครงการดังกล่าวจะมีห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อเข้าร่วมก็ตาม แต่จะเห็นได้ว่า หลักเกณฑ์การใช้จ่ายนั้น เอื้อให้มีการซื้อของกับผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยจริงๆ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นการบริโภคแจกเงิน 3,000 บาท ให้กับประชาชนอายุ 18 ปี ขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคน จะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิผ่าน www.คนละครึ่ง.com กลางเดือน ต.ค.นี้ เพื่อต้องการสื่อสารให้ชัดเจนว่า มาตรการนี้รัฐไม่ได้แจกเงินอย่างเดียว แต่ผู้มีสิทธิต้องร่วมจ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภคด้วยครึ่งหนึ่ง

สำหรับเงื่อนไขโครงการ ประชาชนสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนได้หมดเพราะเป็นมาตรการต้องการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายจริงๆ รวมถึงร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการขณะนี้ ก็นำร้านค้าจากโครงการ ชิมช้อปใช้ ประมาณ 5-6 หมื่นร้านค้า และจะลงพื้นที่เพื่อให้ร้านค้าหาบเร่แผงลอยเข้าโครงการให้มากที่สุด

ขณะที่การเปิดให้ร้านค้าสะดวกซื้อต่างๆ เช่น ร้านเซเว่นฯ ห้างสรรพสินค้า เข้าร่วมโครงการด้วย ก็ยังพิจารณาอยู่ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งเป้าหมายคือต้องการให้เกิดการใช้จ่ายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มากที่สุด