ธุรกิจพรีเวดดิ้งเห็นด้วย “ห้ามถ่ายรูปในวัด” ไม่กระทบโลเกชั่นมีเยอะ ทะเล-ภูเขา-สวนสาธารณะ

ธุรกิจพรีเวดดิ้ง เห็นด้วย “ห้ามถ่ายรูปในวัด” ไม่กระทบ โลเกชั่นมีเยอะ ทะเล-ภูเขา-สวนสาธารณะ

จากกรณี เพจ BuddhaWatch หน่วยเฝ้าระวังพระพุทธศาสนา ออกมารณรงค์เรื่องถ่ายรูปพรีเวดดิ้งของคู่รักที่มักใช้ศาสนสถาน หรือ “วัด” เป็นสถานที่ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง โดยทางเพจให้เหตุผลประกอบว่า ศาสนสถาน สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธา ผู้เยี่ยมชมต้องให้ความเคารพ การถ่ายแบบ หรือพรีเวดดิ้ง มักแสดงนัยแห่งความงาม และความลุ่มหลง จึงไม่เหมาะสม เครื่องแต่งกายในการถ่ายแบบ หรือพรีเวดดิ้ง มักไม่เหมาะ เช่น รัดรูป และไม่สุภาพ ในการถ่ายแบบ อาจแสดงอาการไม่ระมัดระวัง เช่น การโอบกอด และสุดท้ายอาจสร้างความเข้าใจผิดว่าศาสนสถาน สามารถให้ผู้คนเข้ามาถ่ายแบบได้

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ สอบถามไปยังผู้ประกอบการธุรกิจพรีเวดดิ้ง ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้โดยตรง คุณเกียรติชัย สุขศรี อายุ 35 ปี เจ้าของธุรกิจพรีเวดดิ้ง “fannfoto” ที่เปิดให้บริการมานาน 10 ปี เผยว่า ทางร้านยังไม่เคยถ่ายพรีเวดดิ้งในวัด หรือ ศาสนสถานอื่นๆ เท่าที่เห็นจะเป็นชาวต่างชาติซะมากกว่า เพราะคงชื่นชอบในสถาปัตยกรรมไทย คล้ายคนไทยเวลาไปเที่ยวเมืองนอกก็มักถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรมนั้นๆ

ส่วนตัวเห็นด้วยที่มีการรณรงค์ไม่ให้ถ่ายแบบ หรือถ่ายพรีเวดดิ้งในวัด แต่ทั้งนี้ต้องดูรูปที่ถ่าย ว่าใส่ชุดอะไร เรียบร้อยมิดชิดหรือไม่ ท่าทางการโพสต์ ส่วนใหญ่แล้วคู่รักที่ไปถ่ายก็มักใส่ชุดไทย คล้ายการถ่ายรูป     โปรโมตท่องเที่ยวไทยไปในตัว ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ธุรกิจพรีเวดดิ้งแย่ลง ถึงจะถ่ายในวัดหรือไม่ คนยังคงแต่งงานกันอยู่

“เทรนด์ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งตอนนี้ คนไทยชอบสถานที่ธรรมชาติ เช่น ทะเล ภูเขา และสถานที่ในเมือง อย่างเยาวราช พระบรมมหาราชวัง ท่าเตียน ท่าช้าง ถนนข้าวสาร เป็นต้น”

ด้านเจ้าของร้าน “Dewa Wedding Studio Rama2” เปิดมานาน 6 ปี เผยว่า เห็นด้วยกับการรณรงค์ว่าไม่ควรถ่ายรูปในวัด หรือ สถานที่ทางพระพุทธศาสนา โดยทางร้านจะแนะนำสถานที่อื่นๆ เช่น สวนสาธารณะ สตูดิโอ ฯลฯ หากลูกค้าต้องการถ่ายในวัด จะพยายามเลี่ยง โดยชี้แจงเหตุผลให้เข้าใจ ว่าสถานที่นี้อาจไม่เหมาะสม และน้อยที่นักที่จะอนุญาตให้ถ่าย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็เข้าใจเหตุผลที่ให้ไป หากอยากถ่ายจริงๆ ก็มีสถานที่จำลองให้ถ่ายมากมาย ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์