แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ร่วม ไทย-สิงคโปร์ บนเวที SX2023

แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ร่วม ไทย-สิงคโปร์ บนเวที SX2023

องค์การสหประชาชาติ คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2593 จำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในเมือง จะมีสัดส่วนคิดเป็นเกือบ 70% ของจำนวนประชากรโลก หรือราว 6.4 พันล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 54% หรือเกือบ 4 พันล้านคนในปี 2558 ขณะที่จำนวนคนเมืองในกลุ่มประเทศเอเชีย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จาก 1.6 พันล้าน เป็น 3 พันล้านคนในปี 2593 มหานครทั่วโลกต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่จะมาพร้อมกับจำนวนประชาการที่เพิ่มขึ้น เช่น คุณภาพชีวิต การจัดการขยะ ระบบขนส่งสาธารณะ ขณะเดียวกัน ก็ต้องบริหารจัดการปัญหาที่รอการแก้ไข และริเริ่มโครงการใหม่ๆ ที่ทำให้เมืองมีความน่าอยู่และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในงานมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน (Sustainability Expo 2023) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่าประเด็นเรื่องความยั่งยืนดูยังเป็นเรื่องไกลตัวคนทั่วไป แต่หากพูดถึงคุณภาพชีวิต คนจำนวนมากจะเชื่อมโยงกับประเด็นนี้ได้มากกว่า แม้ กทม. จะเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ในการจัดอันดับความเป็นเมืองน่าอยู่ (Global Liveability Index) ปี 2566 จาก 140 เมืองทั่วโลก ที่จัดทำโดย Economic Intelligence Unit (EIU) กทม. อยู่ในอันดับที่ 98 ตัวเลขดังกล่าวจึงยังเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนที่ไม่สู้ดีนักของเมือง กทม.

“เมื่อเราพูดถึงความยั่งยืนหรือคุณภาพชีวิต เราจะพูดในมิติเดียวไม่ได้ เพราะเมือง (กทม.) ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากมาย ดังนั้น เป้าหมายของเราคือ ต้องยกอันดับตัวเลขนี้ (98) ให้สูงขึ้น”

ปัญหาต่างๆ ของ กทม.ที่ยังต้องปรับปรุง เช่น ปริมาณขยะวันละ 10,000 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกขนย้ายไปยังสถานที่ทิ้งขยะ ยังไม่มีการรีไซเคิลมากนัก กทม. ต้องพัฒนาการจัดการกับขยะอย่างยั่งยืน เรื่องคุณภาพน้ำ กรุงเทพฯ อาจดูตัวอย่างจากสิงคโปร์ เรื่องการนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำให้ดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน

“ผมคิดว่าเรามีพื้นที่มากกว่าสิงคโปร์ 2 เท่า แต่กลับมีพื้นที่สีเขียวน้อยกว่าสิงคโปร์ เรามี 1,500 ตร.กม. สิงคโปร์น่าจะมี 600 ตร.กม. เราจึงต้องปรับปรุงเรื่องนี้ด้วย ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน และในท้ายที่สุด ผมมองว่าทุกเรื่องจะโยงไปเรื่องความไม่เท่าเทียม ผมไม่แน่ใจว่าอะไรมาก่อน ความเสมอภาค หรือความยั่งยืน แต่ผมแน่ใจว่า 2 สิ่งนี้เชื่อมโยงกัน ต้องไปด้วยกัน”

“ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ลดคาร์บอนไดออกไซด์ แต่การพัฒนาการศึกษาจะนำไปสู่ความยั่งยืนที่ดีขึ้น วิสัยทัศน์ของผู้บริหารกทม. คือ ทำให้ กทม. เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ผ่านนโยบาย 9 ด้าน คือ สภาพแวดล้อม สุขภาพ ระบบขนส่ง ความปลอดภัย การบริหารจัดการ สาธารณูปโภค เศรษฐกิจ ความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนรู้ โดยหน้าที่ของ กทม. พุ่งเป้าไปที่การเพิ่มผลิตภาพ ปรับปรุงคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสสำหรับทุกคน และสร้างความเชื่อมั่นระหว่างผู้บริหารกทม. กับชาวเมืองกว่า 10 ล้านคน เพื่อร่วมมือกันทำงาน” นายชัชชาติ กล่าวว่า

ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำว่า การพัฒนาเมืองเปรียบเสมือนระบบหมุนเวียนเลือดในร่างกาย เมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ เปรียบเป็นเส้นเลือดแดง และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานต่างๆ เปรียบเป็นเส้นเลือดฝอย ทั้ง 2 ระบบจะต้องทำงานอย่างดีไปพร้อมกัน

“ลองดูแผนพัฒนาระบบขนส่งในอนาคตของเรา เรามีรถไฟฟ้า 11 สาย เกือบ 500 กิโลเมตร ไปทุกหนแห่งใน กทม. มีสีมากราวกับสายรุ้ง นี่คือระบบหลอดเลือดแดง แต่พอมาดูหลอดเลือดฝอย พอจะถึงบ้าน ยังต้องมารอขึ้นมอเตอรืไซค์รับจ้าง เดินบนฟุตปาธแย่ๆ ฉะนั้น ถ้าระบบหลอดเลือดฝอยยังแย่ คุณภาพชีวิตที่ดีหรือเมืองที่ยั่งยืนจะยังเกิดไม่ได้”

นายฮิวจ์ ลิม ผู้บริหารของศูนย์เมืองน่าอยู่ (Centre for Liveable Cities) ในสิงคโปร์ ร่วมแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับความพยายามสร้างความเติบโตของเมืองแบบรวมทุกฝ่าย และการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“ประชากรในสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นเป็น 5.9 ล้านคน แผนพัฒนาเมืองและสังคม รวมถึงนโยบายระดับเทศบาล ต้องมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางด้วย เราต้องเข้าใจปัญหาที่พวกเขาเผชิญ ต้องแน่ใจว่าพวกเขายังสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและบริการต่างๆ ได้ เช่น ที่อยู่อาศัย บริการด้านสาธารณสุข การศึกษา และระบบขนส่งสาธารณะ”

นายลิม กล่าวว่า ในปี 2573 ชาวสิงคโปร์ทุกๆ 1 ใน 4 คน จะมีอายุมากกว่า 65 ปี ทำให้สิงคโปร์เป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-aging Society) การจัดนโยบายด้านที่อยู่อาศัยโดยออกแบบฟังก์ชันต่างๆ ให้เหมาะกับความต้องการของกลุ่มผู้สูงวัย โครงการที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้คือ คอมนูนิตี้ แคร์ อพาร์ตเมนต์ ที่เน้นออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงวัยได้อย่างอิสระและมีความสุขในชุมชนของตัวเอง ไม่ต้องไปอยู่ในบ้านพักคนชรา เข้าถึงได้ง่าย และราคาย่อมเยา มีบริการด้านต่างๆ เช่น การตรวจเยี่ยมบ้าน บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง อาหาร ซักรีดเสื้อผ้า นอกจากนี้ ยังมีการจัดพื้นที่และกิจกรรมทางสังคมให้ผู้สูงวัยได้เข้าร่วมด้วย

รัฐบาลสิงคโปร์เป็นผู้นำในการวางแผนพัฒนาเมืองในระยะยาว แต่เปิดโอกาสให้เยาวชนและคนในชุมชนต่างๆ ได้มีส่วนร่วมวางแผนและออกแบบนโยบายที่เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในชุมชนของตนเอง

ความที่มีที่ตั้งเป็นเกาะ สิงคโปร์คาดว่าอาจต้องใช้งบประมาณมากถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อตระเตรียมแผนรับมือระยะยาวสำหรับภัยพิบัติจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 50-100 ปีข้างหน้า ควบคู่กับการใช้วิธีการทางธรรมชาติ อย่างการใช้ป่าชายเลน ป่าโกงกาง เป็นแนวกันชน ช่วยซับแรงของคลื่นไม่ให้เข้ากัดเซาะชายฝั่ง และการจัดตั้งโครงการวิจัย Marine Climate Change Science (MCCS) เพื่อรักษาระบบนิเวศชายฝั่งทะเล และศึกษาเรื่องการดักจับคาร์บอนในทะเล

ผู้บริหารของศูนย์เมืองน่าอยู่ กล่าวว่า ในส่วนของความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนแม่บทอาคารสีเขียวของสิงคโปร์ กำหนดให้ 80% ของอาคารสร้างใหม่ทั้งหมดต้องใช้พลังงานระดับต่ำสุดยอด (Super Low Energy) ภายในปี 2573 ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้ราว 80% ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ให้แก่เมือง

มาร่วมเปลี่ยนโลก เพื่อสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า Good Balance, Better World ภายใต้มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) ตั้งแต่วันนี้ถึง 8 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G และ LG งานนี้เข้าชมฟรี!