เผยแพร่ |
---|
กรมควบคุมโรค และกรมกิจการผู้สูงอายุ ผนึกกำลังเร่งสร้างภูมิต้านทานโควิด 19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุ เตรียมพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์
กรมควบคุมโรค ได้จัดกิจกรรม “สร้างภูมิให้ผู้สูงวัย ปลอดภัยด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป” เพื่อให้เห็นความสำคัญของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด 19 และกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ เข้ารับบริการฉีดวัคซีนและภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) โดยมีการให้บริการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปเชิงรุกให้กับผู้สูงอายุ ในสถานดูแลผู้สูงอายุบ้านบางแค
วันนี้ที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี กรมควบคุมโรค และนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นประธานร่วมเปิดกิจกรรม “สร้างภูมิให้ผู้สูงวัยปลอดภัยด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป” เพื่อเร่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักและเสียชีวิต โดยมี ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ และคณะผู้บริหารกรมควบคุมโรค ร่วมงานในวันนี้
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวถึงการรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปว่าเป็นการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อโควิด 19 ที่มีประสิทธิภาพในกลุ่มเป้าหมายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ได้แก่ ผู้สูงอายและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ข้อมูลจากผลการศึกษาและจากการใช้จริงพบว่า ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงและผลข้างเคียงที่ต่ำมาก แต่เท่าที่ผ่านมากลุ่มเป้าหมายอาจจะยังไม่ทราบถึงข้อมูล ประโยชน์และความปลอดภัยของการได้รับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปรวมถึงมีกลุ่มเป้าหมายบางส่วนที่ยังเข้าไม่ถึงบริการฉีด การจัดกิจกรรมที่สถานดูแลผู้สูงอายุบ้านบางแคในวันนี้ จึงได้ถือเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงข้อมูลและการรับบริการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป รวมถึงเพื่อเป็นต้นแบบการดำเนินการให้บริการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปเชิงรุกในสถานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจะได้มีการขยายผลไปยังสถานดูแลผู้สูงอายุอื่นๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “ประเทศไทยได้ให้บริการภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา ซึ่งได้ให้บริการแล้วกว่า 63000 ราย ซึ่งยังมีกลุ่มเปราะบางอีกจำนวนมากที่เข้าเกณฑ์การรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป และจากการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและคณะผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์เฉพาะทาง ในวันที่ 16 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ยังคงแนะนำให้กลุ่มเสี่ยง 607 และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปสำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ ซึ่งภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปยังสามารถใช้ได้กับสายพันธ์ BA 2.75 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยในขณะนี้ ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปมีประสิทธิภาพดีและมีความปลอดภัยสูง ทั้งนี้กลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยโควิด 19 ที่เข้าเกณฑ์สามารถเข้ารับการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ได้ที่โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ทุกแห่งทั่วประเทศ สถาบันบำราศนราดูร และสถานพยาบาลโรงเรียนแพทย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”