Rethinking marketing การตลาดยุคนี้ ต้องคิดใหม่ ด้วยพลังการตลาดดิจิทัล

Rethinking marketing การตลาดยุคนี้ ต้องคิดใหม่ ด้วยพลังการตลาดดิจิทัล

พลังของการตลาดดิจิทัล “รู้ไว้ใช่ว่า…ใส่บ่าแบกหาม” สุภาษิต คำพังเพยเก่าเก็บที่น้อยครั้งจะได้ใช้ หมายถึงการศึกษาหาความรู้ไว้ ยิ่งมากยิ่งดี ซึ่งเราก็คงไม่อาจหาทฤษฎีมาสนับสนุน หรือหักล้างว่าจะใช้ได้กับยุคสมัยที่ความรู้ต่างๆ เข้าถึงได้ง่ายและมีมากเกินกว่าคนหนึ่งคนจะรองรับได้ทั้งหมด และผ่านมาถึงยุคที่ข้อมูล องค์ความรู้ ถูกจัดเก็บไว้ในสิ่งที่เรียกว่า ‘File’ หน่วยเก็บบันทึกของคอมพิวเตอร์ และพัฒนามาสู่การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลาย มีการจัดเก็บที่มีคุณภาพ และปริมาณที่มากพอ ในรูปแบบ Real-Time และประมวลผลอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันเราเรียกการจัดเก็บข้อมูลลักษณะนั้นว่า ‘Big Data’

คำถามคือเราจำเป็นต้องเรียนรู้ทุกสิ่งเพราะมันไม่ได้หนักหนา เหมือนใส่บ่าแบกหามตามสุภาษิตในข้างต้นหรือไม่?

คำตอบ คือ ไม่จำเป็น ซึ่งในบทความนี้เราจึงจะมาบอกว่า ข้อมูล ก็แค่ ทรัพย์สิน ไม่ใช้ก็เก็บได้ ถึงตรงนี้เลยทำให้สันนิษฐานว่า คำพังเพยในข้างต้นอาจหมายถึงการจัดเก็บข้อมูลใน Big Data ในยุคนี้ ก็เป็นได้

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ทั้งนี้ ข้อมูล ความรู้ สำหรับการตลาดดิจิทัล หลายคนอาจจะเข้าใจว่าแค่เรามีข้อมูล เรามีเทคโนโลยี เรามีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) ที่ฉลาดล้ำ และเราทราบว่า AI และ ML เหล่านี้เป็นเหมือน วุ้นแปลภาษา ที่ทำหน้าที่แปลความหมายจากพฤติกรรมต่างๆ ของลูกค้าเป็นภาษาที่นักการตลาดเข้าใจได้ ทำให้นักการตลาดรู้ว่า ในอนาคตลูกค้าต้องการบริการอะไร หรือคาดหวังสิ่งใดจากผู้ขาย

นี่คือพลังของการตลาดดิจิทัล!!!

แต่ทราบหรือไม่ว่า ข้อมูลการตลาดทั่วๆ ไป หรือความรู้ในตำราเดิมๆ บ่อยครั้งจะถูกหักล้างด้วยพฤติกรรมเฉพาะที่คอมพิวเตอร์เท่านั้นที่จะสามารถวิเคราะห์ได้ เนื่องจากข้อมูลที่มีจำนวนมากและหลากหลาย ซึ่งมักเกิดจากกระบวนการทำวิจัยตลาด (Market research) จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมากและซับซ้อน ดังนั้น นักการตลาดดิจิทัลจึงมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า ‘AI และ ML’ คือทางด่วนที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์การตลาดที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

ซึ่งอาจไม่ใช่แบบนั้นเสียทั้งหมด เพราะหากยานพาหนะที่จะไปสู่เป้าหมายของคุณคือ เทคโนโลยีดิจิทัล นั่นหมายความว่าใครที่เข้าถึงสิ่งนี้ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ในแบบเดียวกันได้ ใช่หรือไม่?

ขณะที่งานวิจัยด้านการตลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ฟรี) ล้วนเกิดจากการตั้งสมมติฐานผ่านการจับประเด็นทางสังคม เศรษฐกิจ และกระแสในช่วงเวลานั้น ด้วยเหตุนี้ มิติที่เกิดจึงแตกต่างจากการตลาดยุคแรกๆ ที่ทำแค่เรื่องการซื้อขาย ผู้บริโภคไม่ค่อยมีสิทธิ์เลือก ต่างจากตอนนี้ การตลาดที่เน้นความร่วมมือจากทุกส่วน ไม่เฉพาะบทบาทของเทคโนโลยี และใช้กลยุทธ์เป็นตัวกำหนดทิศทางการตลาด

จากสิ่งเหล่านี้ เราอาจจะต้องกลับมาคิดใหม่ หรือการ Rethinking marketing โดยก่อนหน้านี้เราเรียนรู้การทำตลาดแบบหว่านแห หรือแบบ Mass มาสู่รูปแบบการทำการตลาดแบบรู้ใจลูกค้าด้วย Personalized Marketing ซึ่งการตลาดดิจิทัล และเทคโนโลยีมีส่วนทำให้เกิดขึ้นได้จริง

ทำให้ตอนนี้แบรนด์เริ่มทราบแล้วว่าลูกค้า (ที่แท้จริง) เป็นใคร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และพยายามที่จะปรับตัวเข้ามาหาลูกค้ามากขึ้น และที่สำคัญคือ สร้างมาตรฐานที่ค่อนข้างเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้นด้วย และนี่ก็คือความน่ากลัวของเทคโนโลยี…ทำให้คาดว่าคนที่เข้าถึงทรัพยากรได้มากกว่า และเร็วกว่าจะชนะในท้ายที่สุด

และอาจจะมาถึงจุดที่เรียกว่า การตลาดแบบมีส่วนร่วม’ หรือการผสานระหว่าง เทคโนโลยี กลยุทธ์และองค์ความรู้ (งานวิจัย) ที่ผ่านการวิเคราะห์ด้วยคนไม่ใช้ AI เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่าง

แต่อีกนัยหนึ่ง คุณอาจจะพลัดหลงอยู่ใน กับดักทางเทคโนโลยี จนไม่สามารถสร้างสิ่งใหม่ที่เรียกกันอย่างหรูว่า ‘นวัตกรรมการตลาด’ กลยุทธ์การตลาดที่ไม่ซ้ำใครและกรุยทางไปสู่เส้นทางของผู้ชนะในตลาดอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทฤษฎี ‘นกแก้ว นกขุนทอง’ ที่ท่องจำกันมาที่นำไปสู่ผลลัพธ์ทางการตลาดที่วูบวาบ เกิดขึ้นและหายไปโดยไม่มีใครจะจดจำ

Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก หรือสายด่วน 1333