เคยสงสัยกันไหมว่า วันนี้ป่วย หรือ แค่ภูมิแพ้ รู้ความต่าง และวิธีป้องกัน

เคยสงสัยกันไหมว่า วันนี้ป่วย หรือ แค่ภูมิแพ้ รู้ความต่าง และวิธีป้องกัน

ตื่นเช้ามาวันนี้ คุณรู้สึก ตัวรุมๆ ปวดหัว ปวดเมื่อย แสบจมูก หรือ เจ็บคอไหมคะ? แล้ววันนี้ เป็นเช้าวันจันทร์ ด้วยรึเปล่า? เคยสงสัยกันไหมคะ? ว่าตัวเรากำลังป่วยจริงๆ ป่วยการเมือง หรือเป็นภูมิแพ้กันนะ บทความให้ความรู้โดย พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children’s Health Center) โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายเกี่ยวกับลักษณะของอาการป่วยแต่ละประเภท การดูแลรักษา และป้องกัน เพื่อจะได้สังเกตตนเองและคนรอบข้าง นำไปสู่กระบวนการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม

พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์
พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์

ลักษณะอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ การใช้ชีวิตที่มีมลภาวะ อย่าง PM2.5 ไปจนถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอของเรา อาการเล็กๆ น้อยๆ ในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมา อาจทำให้เราตื่นตระหนกได้ว่า เราเป็นเพียงแค่ไข้หวัด เป็นโควิด-19 หรือเป็นแค่ภูมิแพ้ ซึ่งในความเป็นจริงอาการคล้ายกันจนน่าสงสัยมากๆ ลักษณะอาการของกลุ่มโรคเหล่านี้ เป็นอาการของระบบทางเดินหายใจ มีอาการได้ตั้งแต่เล็กน้อย จนถึงอาการรุนแรงได้

  • ไข้หวัด เป็นโรคติดเชื้อ จากไวรัสทางเดินหายใจ มักพบในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ในทุกฤดู

อาการไม่รุนแรง ในคนสุขภาพแข็งแรงสามารถหายได้เองใน 2-5 วัน ติดต่อโดยการหายใจรับละอองสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ที่มีอาการ ผ่านการ ไอ จาม หรือสัมผัสโดยตรง

อาการที่พบ คัดจมูก มีน้ำมูกใสถึงขุ่น จาม ไอมีเสมหะ เจ็บคอ เสียงแหบ ไปจนถึง อาจมีไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะได้เล็กน้อย การเป็นไข้หวัด เป็นๆ หายๆ บ่อยแสดงว่าเป็นไข้หวัดแบบเรื้อรัง นอกจากส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การเรียน การทำงาน การนอนหลับพักผ่อน การกินอาหารแล้ว บางครั้งอาจเกิดอาการแทรกซ้อนของโรคบางอย่างที่เราไม่ทันได้รู้ตัว เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ภาวะต่อมอะดรีนอยด์โต ไปจนถึงภาวะหลอดลมไว ได้อีกด้วย

  • โควิด-19 บางครั้งอาการเริ่มต้นเหมือนการเป็นไข้หวัด บางครั้งไม่มีอาการบังเอิญตรวจ ATK แล้วเจอผลบวก

อาการที่มีได้นั้นคือ ไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก มีน้ำมูก ไปจนถึง มีผื่นผิวหนัง ตาแดง หายใจลำบากร่วมกับ ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย ในบางราย มีอาการไม่ได้กลิ่น ไม่รับรสร่วมได้

ในรายที่มีอาการค่อนข้างเป็นมาก เช่น ไอมาก เจ็บหน้าอก หอบ หายใจเหนื่อย เนื่องจากมีอาการของปอดอักเสบร่วมได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว ซึ่งต่างจากในเด็ก ในระยะหลังๆ พบว่ามีอาการน้อยมาก หรือไม่มีอาการเลย

  • ภูมิแพ้อากาศ

อาการที่พบได้บ่อยคือ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก คันจมูก คันตา ซึ่งเป็นไปตามช่วงเวลาของวันในเช้าตรู่ ในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ หรือก่อนนอน อาการเหล่านี้ พบได้ตั้งแต่เด็กเล็กๆ ไปจนถึงผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุได้

ในขณะที่มีรายงานว่า พบในเด็กที่อายุน้อยลงที่อายุ 1-2 ปีได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็น ไรฝุ่น ละอองหญ้า เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ แมลงสาบ และเชื้อรา การสัมผัสสารก่อระคายเคือง PM2.5 นั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ไวขึ้น หรือกระตุ้นให้อาการรุนแรงขึ้นได้เช่นกัน

ซึ่งในปัจจุบัน ประชากรไทยพบแนวโน้มของอาการภูมิแพ้อากาศสูงขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ

โรงพยาบาลนวเวช

การดูแลรักษาและป้องกัน

ไข้หวัด สามารถหายได้เองภายใน 2-5 วันในผู้มีสุขภาพแข็งแรง เราสามารถใช้ยาเพียงเล็กน้อย เพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาลดไข้แก้ปวดพาราเซตามอล ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก ยาแก้ไอชนิดพ่นคอ อมแก้เจ็บคอ ชนิดกินละลายเสมหะ ไปจนถึง วิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินซี เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มภูมิต้านทานไปพร้อมๆ กับการพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน

โควิด-19 ในกลุ่มที่มีอาการระบบทางเดินหายใจมาก มีปอดอักเสบ หรือมีโรคเรื้อรังนั้น จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสร่วมกับการรักษาแบบประคับประคอง แต่ในขณะที่กลุ่มที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย คล้ายไข้หวัด พบได้เป็นส่วนใหญ่นั้น สามารถหายได้เองภายใน 5 วัน การดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงคล้ายกับการดูแลไข้หวัดนั่นเอง

ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดของการเจ็บป่วยนั้นคือ

1. การสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในพื้นที่แออัด หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

2. การรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสม Social Distancing

3. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาด ผัก ผลไม้ งดเว้น อาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

4. การล้างมือบ่อยๆ อย่างถูกวิธี ด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ หรือแอลกอฮอล์ล้างมือ

5. ดูแลตนเอง พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สดใส และออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับอาการภูมิแพ้นั้น เน้นการรักษาอย่างต่อเนื่อง และการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้

การรักษาควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้ เนื่องจากการรักษาด้วยยา มีทั้งรูปแบบกินยาบรรเทาอาการ กินยารักษาอย่างต่อเนื่อง รูปแบบยาพ่นจมูก ยาพ่นละอองฝอย ร่วมไปกับการล้างจมูกเป็นประจำ

และในในปัจจุบัน มีการรักษาด้วย Imunotherapy วัคซีนรักษาภูมิแพ้ ซึ่งมีประสิทธิภาพและควบคุม บรรเทาอาการได้มากยิ่งขึ้น โดยในผู้ป่วยภูมิแพ้ควรได้รับการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นสาเหตุของอาการได้ทั้งวิธีสะกิดผิวหนัง Skin Prick Test หรือ การตรวจเลือด Specific IgE เพื่อหลีกเลี่ยงควบคู่ไปกับการรักษา ทั้งนี้ การหลีกเลี่ยงสารก่อระคายเคือง เช่น มลภาวะ ควันธูป ควันบุหรี่ และ PM2.5 ก็สำคัญเช่นกัน

หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children’s Health Center) โรงพยาบาลนวเวช โทร. 1507 Line : @navavej

เผยแพร่แล้วเมื่อ: 7 ก.พ. 2024