ผู้เขียน | พารนี |
---|---|
เผยแพร่ |
การเริ่มต้นอาชีพอิสระของแต่ละท่าน ย่อมมีที่มาและเหตุผลแตกต่างกันออกไป
บ้างเริ่มจากความชอบ บางคนอยากออกจากงานประจำ ขณะหลายท่านอยากมีกิจกรรมแก้เหงา
แต่สำหรับกิจการเจ้าของเรื่องราวนับจากนี้ เกริ่นให้ฟังมาว่า เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ ตกดึกไม่รู้จะทำอะไร เลยชวนกันออกทำมาหารายได้ ดีกว่านอนกลิ้งไปกลิ้งมา
ปรากฏว่าลูกค้าให้การตอบรับดีเกินคาด…จนอยากบอกต่อ
………….
คุณอางค์-ไตรทศ นามวงศ์ กับ คุณเจี๊ยบ-ณิธิกานต์ เลือดแดง คือ คู่ชีวิตและเป็นเจ้าของกิจการรถเข็นขายลูกชิ้นย่าง-นึ่ง ยึดทำเลขายที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ฟังดูแค่นี้ อาจไม่เห็นว่ามีความน่าสนใจตรงไหน
แต่ถ้าใครที่อายุ 18 บวก ลองได้เห็นป้ายชื่อร้าน “จิ้มตอนดึก” แล้ว รับรองต้องอมยิ้มกรุ้มกริ่มกันแทบทุกคน
“เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ คิดกันกับแฟนว่าจะทำอะไรกันดี ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ เลยบอกไปขายลูกชิ้นหน้าเซเว่นฯกันดีกว่า”คุณเจี๊ยบ เกริ่นที่มาของกิจการ “จิ้มตอนดึก”
พร้อมแนะนำให้รู้จัก คุณอางค์ แฟนหนุ่ม ทำงานเป็นช่างไฟฟ้าประจำโรงแรมแห่งหนึ่งในปากน้ำปราณ ส่วนตัวเธอนั้นมีอาชีพขายไก่ทอดตามตลาดนัด แต่ด้วยความทั้งตัวเธอและแฟนเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ จึงปรึกษากันว่าน่าจะออกมาไปทำมาหากินตอนกลางคืนด้วย เพื่อหารายได้เสริมเข้าบ้านอีกทาง
จึงช่วยกันคิดว่าจะหาสินค้าอะไรมาขายดี กระทั่งมาลงตัวที่ “ลูกชิ้น” นึ่งและย่าง เพราะเห็นว่าเป็นอาหารทานง่าย ไม่ต้องใช้น้ำมันทอด และตั้งราคาขายเริ่มต้นที่ไม้ละ 5 บาทเท่านั้น เพราะเห็นว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ของราคาถูกน่าจะขายออกได้ง่ายกว่า
แต่ถึงแม้จะราคาขายไม่แพง แต่คุณเจี๊ยบ ก็พิถีพิถันในคุณภาพ เพื่อสร้างจุดขาย
โดยเธอบอกว่า ลูกชิ้นจะอร่อยหรือไม่อร่อย ต้องอยู่ที่ “น้ำจิ้ม” เลยใช้ความสามารถในด้านอาหาร สร้างสรรค์น้ำจิ้มออกมาได้ถึง 3 รสชาติ คือ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มน้ำพริกเผา และน้ำจิ้มสุกี้ใส่งา
“ถ้าทำน้ำจิ้มรสชาติอย่างทั่วไป มันไม่แปลก เลยมีน้ำจิ้มสามรสชาติเลย คือ ซีฟู้ด น้ำพริกเผา และน้ำจิ้มสุกี้ ซึ่งน้ำจิ้มซีฟู้ดนั้นใช้น้ำมะนาวสด ทำให้มีกลิ่นหอมและรสชาติดี ทุกวันนี้มีลูกค้าบอกต่อกันเรื่อยๆว่าร้านเราน้ำจิ้มอร่อย”คุณเจี๊ยบ เล่าอย่างนั้น
และว่า เปิดร้านมาได้ 3 เดือนเศษ ลูกค้ามีมากขึ้นตามลำดับ จนทุกวันนี้ ตั้งร้านยังไม่ทันเสร็จ มีลูกค้ามารอคิวแล้ว
“ร้านเปิดหกโมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน เข็นรถมาตั้งยังไม่ทันจัดร้านมีลูกประจำมารอแล้ว บางบ้านมาทั้งครอบครัวพ่อ-แม่-ลูก ยืนจิ้มกันหน้าร้าน จ่ายทีร้อยสองร้อยบาทก็มี”เจ้าของกิจการ “จิ้มตอนดึก”บอกมาอย่างนั้น
ก่อนเผย ธุรกิจของครอบครัวเธอนี้ ลงทุนไปประมาณ 4 หมื่นบาท เปิดมา 3 เดือน คืนหนึ่งขายได้ราว 2-3 พันบาท ถือว่าผลตอบแทนดีมาก หากเทียบกับราคาขายเพียงไม้ละ 5 -10 บาท
นึกสงสัยลูกค้าติดใจตรงไหน คุณเจี๊ยบ ว่า นอกจากรสชาติน้ำจิ้มที่หลายคนติดใจแล้ว คิดว่าอัธยาศัยความเป็นกันเองของแม่ค้าคงมีส่วนทำให้มีลูกค้ามาอุดหนุนประจำ อีกทั้งเรื่องความใส่ใจในของที่ขายก็เป็นเรื่องสำคัญ
“เรื่องความสด-สะอาด รับประกันได้ อย่าง ผักที่ให้ทานฟรี ตอนแรกใช้แตงกวา แต่ลูกค้าหลายคนติงเป็นโรคเกาต์บ้าง ยางเยอะบ้าง เลยเปลี่ยนมาใช้กะหล่ำปลีแทน แต่อย่างที่รู้กัน กะหล่ำปลีใช้ยาเยอะ เลยต้องล้างให้สะอาดและแช่ด่างทับทิมก่อนนำมาโปะน้ำแข็งก่อนให้ลูกค้าทาน”คุณเจี๊ยบ บอกจริงจัง
ย้อนถามถึงที่มาของชื่อร้าน “จิ้มตอนดึก” คุณเจี๊ยบ ยิ้มกว้างก่อนเล่า ตอนแรกตั้งใจจะทำป้ายแค่ลูกชิ้น นึ่ง-ย่าง แค่นั้น แต่คิดไปคิดมา อยากได้ชื่อเรียกแปลกสักหน่อย ทางคุณอางค์ แฟนของเธอบอก ใช้ว่า“จิ้มตอนดึก”ดีมั๊ย โดยให้เหตุผล ขายเย็นถึงเที่ยงคืน แถมเป็นลูกชิ้นที่ต้องจิ้มน้ำจิ้มด้วย
“ตอนแรกไม่เห็นด้วย เกรงคนมองว่าทะลึ่งตึงตังหรือเปล่า แต่แฟนบอกทะลึ่งได้ยังไง ก็จิ้มลูกชิ้นไง เลยว่าตามกัน ซึ่งได้ความแปลกสมใจ ก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวหลายคน บอกชอบชื่อร้านนี้มาก ขอเอาไปตั้งขายที่กรุงเทพฯบ้าง เราบอกเอาไปเลย ไม่หวงอะไร”คุณเจี๊ยบ เล่าก่อนหัวเราะร่วน
เกี่ยวกับความตั้งใจในธุรกิจ คุณเจี๊ยบ บอกก่อนหน้านี้ มีเจ้าของร้านอาหารทะเล ร้านลูกชิ้นทอดในพื้นที่ มาขอซื้อน้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้ม น้ำพริกเผา ของเธอ ไปจำหน่ายต่อหลายเจ้า เพราะชอบใจในรสชาติ
ในอนาคตหากเป็นไปได้ อยากทำน้ำจิ้มทั้งสองรสชาตินี้ ส่งไปขายทั่วประเทศ แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับระเบียบการขอเครื่องหมายอย.ก่อน ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร หรือลงทุนเพิ่มมากน้อยแค่ไหนบ้าง
อยากลองชิม“จิ้มตอนดึก”ลูกชิ้นนึ่ง-ย่าง ของคุณอางค์และคุณเจี๊ยบ สอบถามไปก่อนได้ที่ โทรศัพท์ 092-941-5859