ชาบูเดอแบร์ เนื้อชิ้นใหญ่เท่าหน้า ขายความคุ้มค่า รวมชาบู ซูชิ บุฟเฟ่ต์ไว้ในร้านเดียว

กำลังได้รับความนิยมจากบรรดานักชิม สำหรับร้านชาบูเดอแบร์ SHABU DE BEAR สโลแกน เนื้อชิ้นใหญ่เท่าหน้า มัดใจลูกค้าด้วยหลากเมนู ทั้งชาบู และซูชิหลายหน้า มีฟัวกราส์ เอนกาวะ ปลาไหล รวมไว้ในร้านเดียว และแม้จะเป็นร้านชาบูน้องใหม่ แต่ชื่อเสียงความอร่อยและความคุ้มค่าไม่แพ้ร้านดัง เปิดร้านได้เพียงปีเดียว ขยายได้ 3 สาขา รวมถึงขายแฟรนไชส์ได้อีกด้วย

ฉัตรทิพย์ แม้นหมาย เจ้าของร้านชาบูเดอแบร์ เล่าที่มาของร้านว่า จบ ป.โท ด้านบริหารธุรกิจ จากประเทศอังกฤษ ปัจจุบันรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยความรักในการรับประทานอาหาร และอยากมีธุรกิจส่วนตัว เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2559 ตัดสินใจเปิดร้านชาบู สาขาแรกตั้งอยู่ที่ถนนนิมมานเหมินทร์ จังหวัดเชียงใหม่ รูปแบบบุฟเฟต์ในราคา 299 บาท และ 399 บาท แต่ปัจจุบันสาขานี้ถูกปรับราคาเป็น 399 บาท และ 599 บาท ตามกำลังซื้อและความต้องการของลูกค้า

“ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านอาหาร ผมศึกษาหาข้อมูล พบว่าธุรกิจอาหารที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตดี มี 3 ประเภท คือ ไก่ทอด ซูชิ และชาบู ซึ่งส่วนตัวชอบทานซูชิและชาบู นอกจากนั้นยังลงเรียนคอร์สการทำธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่ เรียนรู้ลักษณะนิสัยคนในท้องถิ่น ยิ่งเพิ่มความมั่นใจว่าอาหารประเภทต้มจะตอบโจทย์ลูกค้าที่รักสุขภาพ”

ร้านชาบูเดอแบร์ นับเป็นร้านแรกๆ ที่เปิดให้บริการลักษณะพรีเมี่ยม เสิร์ฟวัตถุดิบที่มาจากทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ราคา 599 บาท อาทิ เนื้อวากิว หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ แซลมอน ซาชิมิ มอสซาเรลล่าชีส

เจ้าของร้าน บอกว่า ลงทุนร้านแรก 1 ล้านบาท เปิดได้ประมาณ 2 เดือน กระแสการตอบรับดี มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาทานซ้ำเยอะมาก ระยะเวลาเพียงปีเดียวคืนทุน  แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ขยายสาขาเพิ่มในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะเนื่องจากจำนวนประชากรไม่เยอะ เลือกที่จะขยายสาขามากรุงเทพฯ เดือนธันวาคม 2559 ที่ถนนพระราม 3 และล่าสุดเปิดที่แอมพาร์ค คอมมูนิตี้มอลล์ ย่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มี 2 ราคา 599 บาท 799 บาท

“ผมใส่ใจทุกรายละเอียด และยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ฉะนั้น สาขาที่เชียงใหม่ และ สาขากรุงเทพฯ จึงมีความแตกต่าง ยกตัวอย่าง สาขาเชียงใหม่มีเบียร์ เพราะมองว่าคนชอบการสังสรรค์ ส่วนสาขากรุงเทพฯ เสิร์ฟไอศกรีมมะม่วง โฮมเมด รวมถึงเพิ่มเมนูใหม่ๆ ตลอด เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบันที่มองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา”

สำหรับจุดเด่นของร้าน คือ การรวมทั้งชาบู และ เมนูซูชิ มาไว้ในที่เดียว มีน้ำซุปให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ 1. น้ำซุปต้นตำรับชาบูเดอแบร์ รสชาติกลมกล่อม หอมหวาน 2.น้ำซุปใส่สาหร่าย 3. น้ำซุปต้มยำกุ้ง ใช้มะนาวแท้ 4. น้ำซุปสุกี้ยากี้โอซาก้า มีกลิ่นหอมของปลาแห้ง ใน 1 หม้อ ลูกค้าเลือกได้ 2 น้ำซุป ส่วนน้ำจิ้มมีให้เลือก 3 แบบ คือ พอนสึ (น้ำจิ้มของญี่ปุ่น) มีรสออกเปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ น้ำจิ้มสุกี้ และน้ำจิ้ม 3 รส

ด้านความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน ชายหนุ่ม บอกว่า เป็นเรื่องของความคุ้มค่า และคุณภาพของอาหาร  พยายามเลือกสรรวัตถุดิบที่ดี ยกตัวอย่างเนื้อวากิวคาตะโรสุ สไลซ์เนื้อขนาดใหญ่กว่าหน้า ส่วนซูชิ มีหลายหน้าทั้งฟัวกราส์ (ตับห่าน) เอนกาวะ ปลาไหล

“เราเสิร์ฟทั้งชาบูและซูชิ ในราคาที่คุ้มค่ามาก จึงทำให้ได้การตอบรับค่อนข้างดี เพราะปัจจุบันลูกค้ามองว่าการรับประทานอาหาร คือ การให้รางวัลกับตัวเอง และเลือกที่จะให้รางวัลกับตัวเองด้วยการเลือกรับประทานอาหารมีคุณภาพ”

นอกจากความโดดเด่นด้านคุณภาพและความคุ้มค่าของอาหาร จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของร้านดังกล่าว คือ การประเมินราคาต้นทุนได้ค่อนข้างแม่นยำ ทำให้เจ้าของร้านเลือกที่จะขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งเปิดแล้วที่ชลบุรี

https://www.facebook.com/shabudebearbkk/