ขายดีจนไม่มีเวลากินข้าว! ทอดเทียม เมนูตั้งตัวของสาวออฟฟิศ ยอดขายพีกวันละหลายหมื่น

ขายดีจนไม่มีเวลากินข้าว! ทอดเทียม เมนูตั้งตัวของสาวออฟฟิศ ยอดขายพีกวันละหลายหมื่น

จากแม่ค้าออนไลน์ สู่พนักงานประจำ เมื่ออยากเติบโตและอยากมีธุรกิจของตัวเอง ทำให้ คุณแอน-ปาณิสรา สว่างอารมณ์ ตัดสินใจลาออกมาเปิดร้าน “ทอดเทียม” ขายเมนูชุบแป้งทอดต่างๆ โรยด้วยกระเทียมเจียวและพริกขี้หนูทอด เป็นเมนูจานด่วนที่เจาะกลุ่มลูกค้าพนักงานออฟฟิศ และผู้คนที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ ปัจจุบันร้านของเธอเปิดมาได้ 6 เดือน สามารถสร้างยอดขายเฉลี่ย 35,000-50,000 บาทต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนที่ยังไม่หักค่าต้นทุน

คุณแอนในวัย 32 ปี เล่าให้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ฟังว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานเป็นสาวแบงก์ และลาออกมาเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้ากับสกินแคร์ออนไลน์ ซึ่งแม้จะขายดีมาก แต่จากการลงทุนสต๊อกสินค้าก็ทำให้มีหนี้หลักแสน ประกอบกับสถานการณ์โควิดระบาดและปัจจัยอื่นๆ รอบตัว ทำให้เธอต้องถอยออกมาตั้งหลักใหม่ด้วยการทำงานออฟฟิศ

“เป็นมนุษย์ออฟฟิศมีเงินกินมีเงินใช้ทุกเดือน และเหลือพอจ่ายหนี้บ้างนิดหน่อย แต่ด้วยใจเราอยากใช้หนี้หมดไวๆ อยากสร้างเนื้อสร้างตัวเพราะอายุมากแล้ว และอยากมีธุรกิจของตัวเองโดยไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร เลยตัดสินใจลาออกจากงาน” 

หลังลาออกคุณแอนคิดไว้แล้วว่าจะขายของทอดต่างๆ ที่ได้ไอเดียมาจากงานแฟร์ งานตลาดนัด รวมกับการตกผลึกความคิดของตัวเองว่าจะทำอะไรดีที่มีจุดขาย จนได้มาเป็น “ทอดเทียม” ซึ่งเมนูเหล่านี้สามารถทำขายได้เลย เพราะมีอุปกรณ์ครัวเกือบครบครันจากแฟนที่เปิดร้านขายอาหารมาก่อน เงินลงทุนเริ่มแรกจึงมีแค่วัตถุดิบ เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ เป็นต้น

ปัจจุบันร้านทอดเทียมมีเมนูให้เลือกมากมาย ทั้ง หมูสามชั้นทอด ไก่ทอด แซลมอนทอด กุ้งทอด ปลาหมึกทอด ไส้ตันทอด ตับทอด เป็นต้น และมีท็อปปิ้งเป็นกระเทียมเจียว กับพริกขี้หนูทอด เพิ่มความอร่อยให้อีก

“ราคาเริ่มต้น 50 บาท ได้กับ 1 อย่าง ถ้าสั่งเพิ่มบวก 10 บาท กระเทียมเจียว พริกทอดให้ฟรีและขอเพิ่มได้ มีน้ำปลาพริกสูตรคุณยายให้ราดด้วย ส่วนใหญ่ลูกค้าสั่งกับ 2 อย่าง บางคนกินทุกอย่างก็มี เราให้แบบพูนๆ เลย ไม่อยากลดปริมาณเพราะยังพอมีกำไร และอยากให้ลูกค้าอิ่ม คุ้มค่าคุ้มราคา ส่วนเมนูขายดีคือ กุ้งทอด เอามาเท่าไหร่ก็ไม่พอ” เจ้าของร้าน แชร์ให้ฟัง

ก่อนเล่าต่อถึงวิธีการขายในทุกๆ วัน จะไม่มีการเปิดหน้าร้านถาวร แต่เลือกขายแบบเวียนตลาด เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือคนทำงานออฟฟิศและกลุ่มคนเร่งรีบ วันจันทร์ขายที่กรมส่งเสริมการเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ วันอังคารขายที่ไปรษณีย์ หลักสี่ วันพุธขายที่มาร์เก็ตทูเดย์ วิภาวดีรังสิต 64 วันพฤหัสบดีกับวันศุกร์ขายที่ TOT แจ้งวัฒนะ

“ชีวิตประจำวันของการเป็นแม่ค้า จะตื่นตั้งแต่ตี 1 ตี 2 ออกไปซื้อของสดมาเตรียมขาย หุงข้าว เจียวกระเทียม ทอดพริก แล้วตั้งร้านตี 5 เปิดร้าน 6 โมงเช้า และของจะทยอยหมดในช่วงสายของวัน ขายถึงเที่ยงหรือบ่ายโมงจะเก็บร้านเพื่อไปซื้อวัตถุดิบ จากนั้นเข้านอนราวๆ 6 โมงเย็น และตื่นตี 1 หรือตี 2 เพื่อไปซื้อของสด ชีวิตจะวนอยู่แบบนี้ แต่เวลาตื่นก็ขึ้นอยู่กับว่าวันต่อไปเราไปขายที่ไหน ตลาดใหญ่หรือเล็ก ถ้าใหญ่ก็ตื่นเร็วหน่อย” คุณแอน เล่าถึงชีวิตประจำวันให้ฟัง

และว่า

“ต่อวันใช้วัตถุดิบ กุ้ง หมู อย่างละ 40 กิโล ตับ 10 กิโล ปลาหมึก 30 กิโล แซลมอน 15 กิโล กระเทียม 20 กิโล พริกขี้หนู 3 กิโล น้ำมัน 72 ลิตร ข้าวหอมมะลิ 40 กิโล ปริมาณนี้ไม่พอด้วยซ้ำ ต้องสั่งจากร้านข้าวที่นึ่งเป็นถ้วยอีกเกือบ 1,000 บาท วัตถุดิบแต่ละอย่างขึ้นอยู่กับตลาดว่าใหญ่หรือเล็กด้วย จึงไม่เท่ากันในแต่ละวัน

ส่วนยอดขายต่อวัน เฉลี่ย 35,000-50,000 บาท จำนวนนี้ยังไม่หักต้นทุน แต่ทุนค่อนข้างเยอะเพราะเนื้อสัตว์ราคาสูง” 

อย่างไรก็ตาม นอกจากการขายในแต่ละวันที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำแล้ว เธอยังทำคอนเทนต์ลงติ๊กต็อกเล่าเรื่องราวต่างๆ อาจจะไม่ได้ลงทุกวันแต่ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ซึ่งนี่คือวิธีทำการตลาดอย่างหนึ่งทำให้มีลูกค้าใหม่ติดตามมากินและรับหิ้ว ในบางครั้งรวมมาเป็นออร์เดอร์ใหญ่ราวๆ 50-60 ถ้วย

และแม้จะเหนื่อยมาก เพราะตื่นตั้งแต่คนอื่นยังไม่เข้านอน แต่ก็พร้อมสู้ “ชินแล้วด้วย ตอนตื่นเราอาจจะต้องมีแรงฮึดหน่อย วันหนึ่งขายจนแทบไม่มีเวลากินข้าว ได้กินมื้อเดียวคือมื้อเย็น ถ้าเทียบกับงานประจำแล้วเหนื่อยกว่าก็จริง แต่สบายใจกว่า และตอนลาออกก็โดนดูถูกว่ามาขายหมูทอด เราก็ยิ่งอยากทำให้สำเร็จ ส่วนหนี้ที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่หมดก็ทยอยๆ ใช้ไป”