ผู้เขียน | อภิวัฒน์ คำสิงห์ / เรื่อง-รูป |
---|---|
เผยแพร่ |
วันนี้ เป็นเรื่องของการปลูกหญ้าจำหน่ายที่ ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งที่นี่มีเกษตรกรที่ยึดอาชีพนี้สร้างรายได้มากกว่า 24 ปี แต่ก่อนจะไปพูดคุยกับเกษตรกร รู้หรือไม่ว่า หญ้าเป็นพืชล้มลุก สามารถเจริญเติบโตได้ทุกสภาพดิน โดยมีประมาณ 600 สกุล และกว่า 1,000 ชนิด แต่ในบ้านเรา ที่นิยมปลูกจำหน่ายกันอยู่ มีเพียง 5 สายพันธุ์ คือ หญ้านวลน้อย หญ้ามาเลเซีย หญ้าญี่ปุ่น หญ้าพาสพาลั่ม และหญ้าเบอร์มิวด้า หรือหญ้าแพรก…และหญ้าแต่ละสายพันธุ์มีวิธีปลูกและดูแลต่างกันอย่างไร
วันนี้ คุณดารุด พูลเต่า หรือผู้ใหญ่ดารุด เจ้าของนาหญ้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จะมาเผยเคล็ดลับแบบไม่มีกั๊ก ผู้ใหญ่ดารุด เล่าให้ฟังว่า อาชีพทำนาหญ้าเป็นอาชีพที่ทำสืบกันมาหลายปี และยิ่งในบ้านเราหรือประเทศที่กำลังพัฒนา จะมีการก่อสร้างเกิดขึ้น ดังนั้น ความต้องการพื้นที่สีเขียวจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และที่สำคัญ เป็นพืชที่ปลูกไม่ยาก ขึ้นอยู่กับน้ำ การดูแล และการให้ปุ๋ย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องฝึกหัดและหาประสบการณ์ไปพร้อมกับการทดลองทำ
สำหรับการทำนาหญ้าครั้งแรก ผู้ใหญ่บอกว่า จะต้องลงทุนสูงเพราะต้องจ้างรถมาเกรดปรับหน้าดินให้เสมอกันและดินจะต้องแน่น โดยพื้นที่ปลูกจะต้องอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ เนื่องจากต้นหญ้าปลูกใหม่ต้องการน้ำในปริมาณมาก “ขั้นแรกต้องปรับเตรียมพื้นที่ให้เรียบ เปิดน้ำรดให้ชุ่ม จากนั้นใช้เครื่องปั่นเลนแล้วดูดขึ้นมาฉีดบนพื้นที่ปรับไว้ให้เต็มพื้นที่ และจะใช้คนงานฉีกหญ้าเป็นแผ่นๆ เล็กมาดำ ซึ่งการปลูกจะปลูกในช่วงฤดูฝน เพราะจะได้ไม่ต้องรดน้ำ หลังจากปลูกไปแล้ว 1 วัน จะใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งทับหญ้าให้แน่น รดน้ำและเริ่มใส่ปุ๋ยครั้งแรกได้ทันที และประมาณ 1 สัปดาห์ จะใส่ปุ๋ยอีก 1 ครั้ง พอครบ 11-12 วัน จะเริ่มตัดใบครั้งแรกเพื่อให้หน่อเดินลงดินเป็นแผ่นหญ้าที่มีความแข็งแรง ส่วนโรคและแมลง จะเจอกับหนอนที่มากัดกินหญ้า และเพลี้ย ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็จะพ่นสารเคมีป้องกัน”
ราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และฤดูกาล อย่างหญ้าญี่ปุ่นช่วงที่ราคาดี จะสูงถึงตารางเมตรละ 18 บาท แต่ถ้าช่วงที่หญ้าล้นตลาด ราคาก็จะถูกลงเหลือตารางเมตรละ 9-10 บาท สำหรับพื้นที่ 1 ไร่จะใช้หญ้าประมาณ 550 ตารางเมตร 1 ปี จะปลูกได้ถึง 6 รอบ แต่ละรอบจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 บาท ใช้เวลาปลูกประมาณ 30-45 วัน โดยพื้นที่ 1 ไร่จะทำรายได้ประมาณ 12,000 บาท 1 ปี จะมีกำไรประมาณ 36,000 บาท