เผยแพร่ |
---|
ขโมยจักรกระเป๋าหิ้วของพ่อมาสร้างธุรกิจ ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ขายยางรัดผมออนไลน์ เปลี่ยนทุนหลักพันเป็นเงินแสน
ยางรัดผมสครันชี่จากลายผ้าสุดน่ารัก แอกเซสซอรีประดับผมที่สาวๆ หลายคนต้องมีติดตัว จากแบรนด์ Lamoonist ของ คุณนีง-ณัฐชยา สุวรรณศรี อดีตสาวฟรีแลนซ์ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ เธอเดินทางสู่โลกของการเย็บผ้ากับจักรกระเป๋าหิ้วคู่ใจ พร้อมเงินทุนหลักพัน ที่วันนี้เติบโตสู่ยอดขายหลักแสนต่อเดือนจากการขายออนไลน์
Lamoonist มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ทำไมยางรัดผมสครันชี่จึงขายดี เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาไปไขคำตอบ

คุณนีงชอบทำงาน DIY มาตั้งแต่เด็กจากผู้เป็นแม่ที่คอยปลูกฝังผ่านการซื้อของเล่น เมื่อโตขึ้นความชอบนั้นก็ไม่ได้หายไป ทุกครั้งที่ว่างจากการเรียนมหาวิทยาลัย เธอมักจะชอบนั่งรถเมล์ไปพาหุรัด สถานที่ที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจทุกครั้งเมื่อได้เห็นลวดลายของผ้าหลายร้อยผืน จึงอดไม่ได้ที่จะซื้อกลับมาฝึกฝน ใช้เข็มเย็บปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอนไว้ตกแต่งห้อง
กระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย เอกภาษาอังกฤษ คุณนีงได้เข้าทำงานตรงสายเป็นมนุษย์เงินเดือนย่านอโศก จากนั้นเธอตัดสินใจลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ รับงานติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษและงานแปล ทำงานนี้อยู่ประมาณ 2 ปี ก็ได้หันมาขายของออนไลน์ในไอจี และถ้ามีเวลาว่างก็จะฝึกเย็บผ้ากับจักรกระเป๋าหิ้วที่ขโมยของพ่อมา จนได้โปรดักต์ชิ้นแรก ยางรัดผมโบเด็ก ที่มีความคงทนเหมาะสมที่จะวางตำแหน่งเป็นนางเอกของแบรนด์ในอนาคต

เริ่มต้นจากออฟไลน์ ทุน 2,500
การเริ่มธุรกิจของคุณนีงเรียกว่าสวนทางกับคนยุคนี้ ที่ส่วนใหญ่จะเริ่มจากออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการขาย แต่กับเธอขอเริ่มต้นจากออฟไลน์ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ก่อนโควิดเข้าไทยช่วงปลายเดือนเดียวกัน
“ช่วงโควิดคนทำของขายออนไลน์กันเยอะมาก แต่เราอยากลองออฟไลน์ดูก่อน ไม่รู้ว่าเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ดี เริ่มจากเงิน 2,500 บาทที่ได้จากงานแปล 1 ชิ้น มาซื้อผ้าไปตัดเย็บยางรัดผม แล้วนำไปขายตามบูธฟรี บูธลดราคาตามห้าง มันเสี่ยงแต่มีข้อดีคือเราจะได้เห็นรีแอ๊กชั่นของลูกค้า ได้แลกเปลี่ยนข้อมูล เราจะแฮปปี้มาก ถ้าได้ยินลูกค้าชมว่าสินค้าเราน่ารัก
เก็บข้อมูลอยู่เป็นปีๆ เลย ยังไม่ได้กระโดดเข้าออนไลน์ เพราะรู้สึกว่าการขายออนไลน์ เหมือนเป็นการเปิดตัว เขาจะจำเราไปแบบนั้น ถ้าเรายังไม่นิ่งเรื่องแบรนดิ้ง คุณภาพสินค้า หน้าตา วิธีการนำเสนอ เราจะยังไม่ไปออนไลน์ แต่พอทุกอย่างชัวร์แล้ว แบรนดิ้งชัด เราก็พร้อมลงติ๊กต็อก ลงไปก็ตู้ม ไปไวจนไม่ทันตั้งตัว”

เทคนิคขาย ปั้นยอดหลักแสนต่อเดือน
เทคนิคการขายยางรัดผมสครันชี่ของคุณนีง ข้อแรก คือการเลือกใช้ผ้าเกรดพรีเมียม ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับชุดแต่งงาน ขายราคาเมตรละหลักร้อยบาท รวมถึงการคัดสรรยางยืดคุณภาพดีจากโรงงานมาใช้ ร่วมกับการตัดเย็บโดยช่างฝีมือดี จนออกมาเป็นโปรดักต์พรีเมียมที่หวังจะให้ลูกค้าสามารถซื้อไปเป็นของขวัญฝากคนอื่นๆ ได้แบบไม่เคอะเขิน
“ร้านขายผ้าเขาเห็นเราไปยืนเลือกผ้า เขาก็ถามจะเอาไปตัดชุดแต่งงานเหรอ เราบอกเปล่าค่ะ เอาไปทำยางรัดผม เขาบอกมันแพงนะ แต่เราก็ซื้อ แล้วเอามาทำให้ดี ทำให้สุด เพื่อให้ลูกค้าซื้อฝากคนอื่นได้อย่างภาคภูมิใจ ทุกวันนี้มีทั้งคนซื้อให้เพื่อนในงานแต่ง งานรับปริญญา หรือซื้อให้รางวัลตัวเอง และปีนี้มีแพลนจะวาดลายผ้าของตัวเองด้วย จะได้แตกต่างจากคนอื่น เพราะตอนนี้คนเริ่มทำกันเยอะแล้ว คนเข้าถึงพาหุรัดได้หมด ลายก็จะเริ่มเหมือนกัน”
ข้อสอง มีให้เลือกหลายไซซ์ หลายลวดลาย อีกหนึ่งความใส่ใจของร้านที่สามารถตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยแบ่งโปรดักต์ออกเป็น 5 ไซซ์ เริ่มจาก รุ่น Mini, รุ่น Petite, รุ่น Medium, รุ่น Regular และรุ่น Fluffy ขายราคาเริ่มต้นชิ้นละ 39 บาท ไปจนถึง 69 บาท
ข้อสาม เพิ่มกำลังการผลิต หลังจากขายในติ๊กต็อกได้ 3 เดือน ด้วยจำนวนออร์เดอร์ที่เพิ่มมากขึ้น การใช้จักรกระเป๋าหิ้วเริ่มไม่เพียงพอ จึงปรับเปลี่ยนมาใช้จักรอุตสาหกรรมที่ตอนนี้มีทั้งหมด 3 ตัว สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้วันละหลายร้อยชิ้น และทุกชิ้นต้องผ่านมาตรฐาน 2 ข้อ คือความแข็งแรงและความสวยงาม
ข้อสี่ สร้างคอนเทนต์ Storytelling การเล่าเรื่องราวของแบรนด์และกิจกรรมในแต่ละวันให้ทุกคนได้ฟัง เป็นอีกหนึ่งแนวทางการสร้างคอนเทนต์ที่ถนัดและชื่นชอบมาตั้งแต่สมัยเล่นเฟซบุ๊กกับอินสตาแกรม โดยตั้งกล้องแล้วถ่ายเรียลๆ เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ประดิษฐ์ เรื่องเล่าที่ออกมาก็จะชวนน่าดูและน่าสนใจ

ข้อห้า ไลฟ์ขายของตรวจสอบคุณภาพสินค้าทุกชิ้น ในการขาย แม้จะเป็นแค่ยางรัดผมชิ้นเล็กๆ แต่การ QC รอบเดียวก็ไม่อาจเพียงพอ ในการไลฟ์ทุกครั้งจะต้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าทุกชิ้น ต้องมีกรรไกรเล็มด้ายติดตัวสำหรับเก็บรายละเอียดหากมีเส้นด้ายหลุดรุ่ย แล้วจึงแพ็กใส่กล่องพัสดุให้ลูกค้าดูสดๆ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์
อย่างไรก็ตาม จากเทคนิคทั้ง 5 ข้อที่ได้สรุปมานี้ ปัจจุบัน Lamoonist ของคุณนีงสามารถสร้างยอดขายได้มากถึงหลักแสนต่อเดือน ในจำนวนนี้ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย และเป็นยอดที่เกินเป้าหมายในใจของเธอ
“ดีใจมากกับยอดขายที่ทำได้ มันเกินจากที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น เราได้เอาเงินมาดูแลคนในครอบครัว ได้ชวนญาติๆ พี่ๆ จากขอนแก่นมาช่วยกันทำงานตรงนี้ มีความสุขที่สุดแล้ว สิ่งที่ได้เรียนรู้จากธุรกิจนี้คือเราต้องครีเอทีฟมากๆ ทุกแง่ทุกประเด็น ทำให้แหวกแนว ให้แตกต่าง แล้วลุยเลย แล้วมันจะเติบโตเอง”
สามารถติดตาม Lamoonist ได้ที่ ติ๊กต็อก lamoonist
