จิตสดชื่น กะเพราอันดับ 2 ของโลก เผ็ดร้อน จัดจ้าน อร่อยจนไฟออกปาก

จิตสดชื่น กะเพราอันดับ 2 ของโลก เผ็ดร้อน จัดจ้าน อร่อยจนไฟออกปาก

หากพูดถึงร้านกะเพราที่อร่อยระดับโลก ต้องนึกถึงร้านนี้แน่นอน “จิตสดชื่น” เพราะได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัล Creative จากการแข่งขัน “WORLD KAPHRAO THAILAND GRAND PRIX 2023” ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

การแข่งขัน "WORLD KAPHRAO THAILAND GRAND PRIX 2023"
การแข่งขัน “WORLD KAPHRAO THAILAND GRAND PRIX 2023”

ซึ่งถือได้ว่าเป็นผัดกะเพรากายละเอียดที่มีความอร่อยเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยก็ว่าได้ แต่ไม่เพียงแค่นั้น กว่าจะมาเป็นร้านอาหารที่ได้รับรางวัล ต้องเดินทางมาพร้อมอะไรหลายๆ อย่าง และในวันนี้เราได้มีโอกาสพูดคุญกับ คุณแบงค์-ปภากร นิยมทรัพย์ เจ้าของร้าน จิตสดชื่น ได้มาถ่ายทอดเรื่องราว บอกได้เลยว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

คุณแบงค์-ปภากร นิยมทรัพย์ เจ้าของร้าน จิตสดชื่น
คุณแบงค์-ปภากร นิยมทรัพย์ เจ้าของร้าน จิตสดชื่น

เดิมทีคุณแบงค์ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในห้องอาหารแห่งหนึ่งที่เกาะกูดประมาณ 1 ปี ภายในเวลา 1 ปีที่ทำงานก็มีความคิดอะไรมากมาย เลยตัดสินใจกลับบ้านที่จังหวัดกาญจนบุรี

คุณแบงค์ เล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำ จึงทำให้เพื่อนในวัยเด็กไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่ เมื่อเติบโตขึ้นก็ได้ออกไปทำงาน อย่างการเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ร้านอาหาร แต่สุดท้ายก็กลับมาทำตามความฝันของตนเอง 

ย้อนไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ที่เขากลับมาอยู่ที่กาญจนบุรีอีกครั้ง ใจตอนแรกเขาคิดว่าอยากจะเปิดเป็นร้านบาร์บีคิวสโมก เพราะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ยังไม่มีใครทำ ลักษณะจะเป็นการเสียบไม้ย่าง เริ่มขายไปได้ 1-2 ปี ทำให้มีคนรู้จักมากขึ้น และได้มีเพื่อนในเวลาเดียวกัน

ต้องบอกว่า ร้านที่ทำตอนนั้นเป็นแนวร้านนั่งชิล มีเครื่องดื่มต่างๆ มีแอลกอฮอล์ ด้วยที่เขาเป็นบาร์เทนเดอร์เก่า ก็จะนำความรู้ที่มีมาปรับใช้ด้วย ทางด้านของอาหารก็จะเป็นแบบของทอดง่ายๆ แต่ว่ามีเมนูกะเพราตั้งแต่ตอนนั้นมาเลย

คุณแบงค์ เล่าว่า ก็ทำร้านมาเรื่อยๆ จนช่วงหลังโควิด เขามีความคิดที่จะเปลี่ยนจากร้านนั่งชิล ทำให้เป็นร้านอาหารมากขึ้น เพราะมีความคิดว่าในตอนที่ทำเครื่องดื่มอยากจะทำอาหารด้วย

หวนคืนบ้านอีกครั้ง

พอมีความคิดแบบนี้ขึ้นมา ทำให้เขาเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง โดยมีน้องชายเข้ามาช่วยในเรื่องของการทำเครื่องดื่ม และตัวเขาเองจะได้เต็มที่กับการทำอาหารมากขึ้น 

ต้องบอกก่อนว่า ถึงแม้จะมีฝีมือไม่ธรรมดาแบบนี้ คุณแบงค์ เล่าว่า เขาไม่ได้เรียนมา แต่เริ่มจากเป็นคนที่ชอบสรรหาของกินเวลาไปกินตามร้านต่างๆ ก็จะคอยดูว่าทำอย่างไรถึงจะอร่อย แล้วลองมาฝึกทำดู

ครัวที่บ้านถือได้ว่าเป็นห้องทดลองอย่างดีเลย อยากกินเมนูไหน ก็จะเข้าไปทำ พอทำออกมาแล้วให้คนรอบข้างกินแล้วเขาจะบอกว่าอร่อย ก็เลยลองทำขาย ลูกค้าก็ชอบในฝีมือของเขาด้วย

ร้านเล็กๆ ที่มีการจัดการระบบ

“ดูงานจากร้านเพื่อน จากร้านคนรู้จัก พอเจอเราเห็นปัญหาจากร้านเขา ก็จะดูวิธีแก้ แล้วพอมาเจอที่ร้านเรา ก็จะเอาตรงนั้นมาปรับใช้ที่ร้าน ค่อยๆ แก้ไป” เขากล่าว

สิ่งนี้คือเหมือนเอาตัวเราเองไปดูงานเพื่อให้ได้รับรู้ถึงปัญหาต่างๆ แล้วนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับธุรกิจของเขา จนปัจจุบันนี้เขาบอกว่าร้านอาหารมีความเป็นระบบมากขึ้น 

ความเติบโตของร้านจิตสดชื่น ถือได้ว่าเติบโตอย่างมาก เมื่อก่อนพนักงานในร้านมีเพียงแค่ 2-3 คน แต่หลังจากที่เขาได้ก้าวเข้าไปในรายการแข่งขัน จนได้รับรางวัลรองชนะเลิศมาครองนี้ ทำให้ร้านมีคนรู้จัก และพนักงานเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอต่อการบริการ จึงเพิ่มจำนวนตอนนี้มีประมาณ 8-9 คน

เมื่อทุกท่านอ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว ก็จะเห็นว่าเมื่อสักครู่ได้เปรยไปถึงเรื่องของการแข่งขัน เราได้นั่งคุยกับคุณแบงค์ถึงจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจ ตลอดจนความรู้สึกที่ได้รับ และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น

เขาเล่าว่า เดิมทีตนทำกะเพราอยู่แล้ว แต่มีความคิดที่อยากจะทำซอสกะเพราขาย แต่ในความรู้สึกข้างในก็มีความขัดแย้งกันอยู่เล็กน้อยว่า ทำไป แล้วใครจะซื้อ เพราะตัวเขาเองไม่ได้มีใครรู้จัก อยู่ดีๆ จะมาทำซอสขาย แล้วใครจะเชื่อมั่นในตัวสินค้าได้

ความบังเอิญที่เหมือนอะไรกำหนดไว้แล้ว เวลาผ่านไปไม่นานก็มีเพจหนึ่งเด้งขึ้นมาให้เขาเห็นถึงโพสต์การแข่งขัน ทำให้เขาตัดสินใจลองไปแข่ง 

“อย่างน้อยเราได้เข้ารอบภาคกลางก็ยังดี มีตำแหน่งตัวแทนภาคกลางนะ อาจจะทำให้เราขายซอสได้ ทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น” คุณแบงค์ กล่าว

จากจุดเริ่มต้นในวันนั้น ส่งผลให้ได้รับรางวัลที่เขาไม่ได้แม้แต่คาดหวังไว้ เพียงลงมือทำมันอย่างสุดฝีมือเท่านั้น แต่เมื่อได้รับรางวัลมาแล้ว ความรู้สึกเขาในขณะนั้น จะพูดว่าแค่ดีใจก็ไม่ได้ เขากล่าวกับเราว่า

“ดีใจครับ ดีใจมากๆ ดีใจจนตัวสั่น ซึ่งมันเป็นเวทีแรก ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้ารอบแล้วก็ผ่านมาถึงจุดนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

จากวันนั้น ร้านอาหารก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…

หลังจากที่เขาได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัล Creative จากการแข่งขัน “WORLD KAPHRAO THAILAND GRAND PRIX 2023” มา ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน

เริ่มต้นที่ตัวของเขาเอง

“เราต้องมีความใส่ใจมากขึ้น หาความรู้มากขึ้น อย่างเรื่องระบบร้านหรืออะไรก็ตาม มันต้องพลิกเลย เปลี่ยนให้ทัน ให้เร็ว เหมือนทำงานหนักขึ้น ทำตลอดเวลา คิดตลอดเวลาว่าเราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร” เขากล่าว

ถึงแม้จะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม แต่ดูๆ แล้ว เขาพร้อมที่จะทำ เพราะมันเป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่าเลยทีเดียว

นอกจากจะเป็นในเรื่องที่ตัวเขาทำงานหนักมากขึ้น ลูกค้าก็เพิ่มมากขึ้นด้วย กลุ่มลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว ก็จะแวะมาอยู่เรื่อยๆ และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ รายได้ที่เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า หรือได้หลักแสนต่อเดือนเลย

รสชาติที่ถูกปาก อาหารที่ถูกใจ

จิตสดชื่น
จิตสดชื่น

หลายคนคงอยากรู้แล้วสิว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร ต้องบอกว่ารสชาติของกะเพราจิตสดชื่น มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร แต่บอกไว้เลยว่า เป็นกะเพราที่เผ็ดจริงๆ 

ลูกค้าที่ได้มากิน จะบอกว่า รสชาติไปทางเผ็ด ซึ่งเป็นเผ็ดกว่าปกติ โดยคุณแบงค์ บอกว่า เขาต้องการทำให้ความเผ็ดมีความเป็นมิติ แบบกินคำแรกมันเหมือนไม่เผ็ด แล้วพอกินไปเรื่อยๆ ความเผ็ดก็จะตามมา 

“ผมไปลองทานกะเพราที่อื่น ผมก็พยายามหาก็ยังไม่เจอร้านกะเพราที่รสชาติเหมือนเรา เลยรู้สึกว่ามันก็คงต่างจากที่อื่นแหละ” คุณแบงค์ เล่า

เมนูอาหารก็จะมีให้เลือกหลากหลาย แต่เด่นๆ ที่เวลาใครมาก็จะสั่งกินคือ กะเพราเนื้อ เพราะเป็นเมนูที่ทำตอนแข่งขัน แล้วคนก็จะจำ ทำให้เป็นเมนูยอดฮิตไปเลย และสนนราคาอยู่ที่จานละ 75 บาท

ร้านกะเพราที่ไม่ใช่ “อาหารตามสั่ง”

ด้วยราคาจานละ 75 บาท เป็นราคาที่สูงกว่าร้านทั่วๆ ไป แต่จะบอกว่า ร้านจิตสดชื่นไม่ได้เหมือนกับร้านอาหารตามสั่งธรรมดาๆ เพราะเขามีการเลือกใช้ของ และใส่ใจในทุกรายละเอียดที่มากกว่า

“เริ่มตั้งแต่แรก ขายกะเพราจานละ 60 บาท ซึ่งคนแถวนี้บอกว่าแบงค์ขายแพงนะ ผมเลยบอกว่าผมไม่ใช่ร้านตามสั่งนะ ให้ผมขาย 40 บาทได้ไง เพราะเราคิดว่าเราตั้งใจ เราใส่ใจมันมากกว่า เราเลือกวัตถุดิบ เราคัดทุกอย่าง แม้กระทั่งวิธีการทำ ขั้นตอนการทำเราใส่ใจมาก” เขากล่าว

“จิตสดชื่น” ชื่อนี้มีที่มา

จิตสดชื่น
จิตสดชื่น

ด้วยส่วนตัวเขาเป็นคนชอบสะสมของเก่า ก็ไปเจอจักรยานที่เป็นซาเล้งเก่าคันหนึ่ง จอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เลยตัดสินใจไปถามคุณป้าท่านหนึ่ง ว่าสนใจจักรยานคันนี้จังเลย เพราะตอนนั้นขายบาร์บีคิว เลยคิดว่าอยากจะได้จักรยานคันนี้มาปั่น

เลยขอซื้อ และป้าได้ตกลงขายให้ คุณป้าพาเดินเข้าไปดูของต่างๆ ที่มี เขาได้หันไปเจอกับป้ายเก่าๆ ตั้งคว่ำหน้าอยู่ เลยหยิบขึ้นมาอ่านดู มันเขียนเอาไว้ว่า “จิตต์สดชื่น” เขารู้สึกว่าชอบชื่อนี้มาก คุณป้าบอกว่าเป็นป้ายร้านเก่าที่จะทิ้งแล้ว เขาเลยขอมาไว้

พอได้มาทำร้านอาหาร เลยตัดสินใจใช้ชื่อนี้ทันที แต่จะเปลี่ยนจาก “จิตต์สดชื่น” เป็น “จิตสดชื่น” จะบอกว่าคนรุ่นเก่าๆ เวลามาที่ร้านก็จะแปลกใจว่า ชื่อจิตสดชื่นนี้มันเหมือนเคยได้ยินเลย เป็นร้านเก่าแก่ บางคนก็จะถามว่าเป็นญาติกับเขาหรือเปล่า เขาก็รู้สึกว่าทำให้ชื่อนี้ไม่ตายไป แล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

สิ่งที่ต้องมีสำหรับคนอยากเปิดร้านอาหาร By จิตสดชื่น

ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง

“ต้องเชื่อมั่นว่าเราจะทำ ไม่เขวกับสิ่งที่เราตั้งใจทำตั้งแต่แรก ฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา พัฒนาตลอดอย่าหยุดนิ่ง ถ้าคุณหยุดเมื่อไหร่ เท่ากับว่าอยู่ที่เดิม มันก็จะไม่โต”

ตัวคุณแบงค์เชื่อเสมอว่า “ถ้าผมตั้งใจทำแล้วมันก็จะออกมาได้ดี”

สำหรับใครที่อยากจะไปลิ้มรสของกะเพราที่อร่อยเป็นอันดับ 2 ของโลก มาได้ที่ร้าน จิตสดชื่น = Jitsodchuen อยู่ที่ 1/2 ถ.อินเดีย ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หรือโทรมาที่ 082-863-5195