ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ทิพย์รส ไอศกรีมแบรนด์เก๋า ตำนาน 5 ทศวรรษ ถึงเวลา ปรับลุกส์ ขยายฐานลูกค้าเจนใหม่
ทิพย์รส คือ ชื่อของร้านไอศกรีมแบรนด์ไทย ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 นับถึงปัจจุบันก็ผ่านกาลเวลามาได้ 53 ปีแล้ว
ร้านไอศกรีมทิพย์รส ยุคแรกตั้งอยู่ริมถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มีเมนูไฮไลต์ อย่าง กะทิรวมมิตร เผือก กะทิแมงลัก ฯลฯ ส่วนซิกเนเจอร์ ที่สร้างกระแสความนิยมได้อย่างมาก เห็นจะเป็น “ทิพย์รสไข่แข็ง” โดยเจ้าของสูตร เขานำ ‘ไข่แดง’ มาทำให้แข็งทั้งใบ แล้วเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมกะทิรวมมิตรและซุปข้าวโพด
ปัจจุบัน ร้านไอศกรีมเก่าแก่แห่งนี้ ย้ายทำเลมาอยู่ในซอย “กรุงเทพ-นนทบุรี 2” ย่านเตาปูน ซึ่งเป็นโซนเดิมกับร้านแรก แต่สิ่งที่แปลกไปจากวันวานนั้นคือ มีเมนูไอศกรีมหลากหลาย ภายใต้แนวคิด “อะเมซิ่ง” ที่หวังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักชิมรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการขยายฐานลูกค้า
“ทิพย์รส อะเมซิ่ง เมนู” ไม่ได้ผลิตไอศกรีมรสชาติใหม่ ใช้ไอศกรีมเดิมที่มี อย่าง มะพร้าว กะทิรวมมิตร จับมาแมตช์กับขนมไทยโบราณ ซึ่งนับว่าเป็นงานยาก จึงต้องมีการปรึกษาเชฟ อย่างใกล้ชิด กว่าจะออกมาเป็นเมนูแต่ละตัว”
คุณปอย-วนันภรณ์ รัตนวิริยะชัย 1 ใน 4 หุ้นส่วน ตัวแทน “กิจการทิพย์รส” ยุคปัจจุบัน เริ่มต้นให้ข้อมูลกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ อย่างนั้น
ก่อนคุยให้ฟังต่อ ทิพย์รส อะเมซิ่ง เมนู ที่มีถึง 10 เมนู อย่าง หอมหมื่นไมล์, ถังทอง, ปลากริมไข่เต่ากะทิหอม, รสแห่งสยาม, แตงโมปลาแห้ง, สังขยาเคี่ยว, จตุมงคลจารึก, น้ำเต้าหู้โบราณ, เหินห่าวซือ และ บานาน่าไทยสไตล์ นั้น คิดทำขึ้นมา เพื่อเพิ่มมูลค่าการขาย อีกทั้งยุคสมัยเปลี่ยนไป ลูกค้าต้องการทั้งภาพลักษณ์ที่ดูดี และรสชาติที่อร่อยด้วย ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
ตัวแทนกิจการไอศกรีมทิพย์รส บอกด้วยว่า การรีแบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ “อะเมซิ่ง เมนู” นั้น นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม มีลูกค้าทั้งเจนเก่า-เจนใหม่ มาต่อคิวกันยาวเหยียด แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ก็ต้องคิดเมนูใหม่ออกมาอีกเรื่อยๆ เพราะเกรงลูกค้าจะเบื่อ
ปัจจุบันไอศกรีม ทิพย์รส มีหน้าร้าน 3 สาขา ระยะหลัง ลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่นั่งทานที่ร้าน และช่วยกันถ่ายรูปโพสต์ลงในโซเชียล ส่วน ลูกค้ารุ่น พี่-ป้า-น้า-อา จะซื้อแบบแพ็กกลับบ้าน
“การทำให้ร้านดั้งเดิม มีชีวิตและไปต่อได้ มีความยากอยู่เหมือนกัน ไอศกรีมทิพย์รส พ.ศ. นี้ จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ถ้าเมนูเก่าเกินไป เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก ไม่กล้าทาน ต้องปรับให้เขาอยากลอง เริ่มจากหน้าตาที่ดึงดูด แต่ถ้าถ่ายรูปอย่างเดียวแล้วไม่อร่อย คงไม่กลับมาทานอีก ฉะนั้น ไอศกรีมต้องสวยด้วย อร่อยด้วย ถึงจะไปต่อได้” คุณปอย บอกจริงจัง
ถามถึงการแข่งขันทางธุรกิจ มีความหนักใจมากน้อยแค่ไหน
คุณปอย เผยตรงๆ เรื่องที่หนักใจคือ คนไทย มักมองไอศกรีมไทยน่าจะขายราคาถูก ทั้งๆ ที่วัตถุดิบที่ใช้ ล้วนมีคุณภาพ ทั้ง หัวกะทิสด ผลไม้ต่างๆ นั้นมีต้นทุนสูงไม่น้อย
“ลูกค้าบางส่วน อาจไม่เข้าใจทำไมไอศกรีมไทยราคาแพงจัง ซึ่งไอศกรีมกะทิราคา 20 บาท ถามว่าเราทำได้ไหม ทำได้นะคะ คือใช้หางกะทิเยอะหน่อย หัวกะทิน้อยหน่อย แต่ลูกค้าชอบทิพย์รสในแบบที่เคยทาน เราไม่อยากจะทำลายชื่อเสียงของตัวเอง เลยต้องสู้กับต้นทุนที่เปลี่ยนไป แต่ยังไม่ขึ้นราคา เพราะเห็นใจลูกค้าเหมือนกัน” คุณปอย บอกอย่างนั้น
ก่อนบอกอีกว่า ไอศกรีมบางชนิดสามารถใช้สารแทนความหวานได้ แต่ที่ร้านทิพย์รส ใช้น้ำตาลทรายเป็นหลัก และล่าสุด น้ำตาลทรายมีการขึ้นราคาไปอีก จึงต้องพยายามสู้กับต้นทุนที่สูงขึ้น ให้ลูกค้ากระทบน้อยที่สุด และตัวเราต้องไม่เดือดร้อนด้วย
มีอะไรฝากทิ้งท้าย คุณปอยยิ้มน้อยๆ ก่อนบอก
“ไอศกรีมไทยๆ ใช้วัตถุดิบในประเทศ ไม่ค่อยมีสารปรุงแต่ง ดีกับสุขภาพคนทาน ถ้าคนไทยสนับสนุนของไทย สินค้าของคนไทยก็คงจะอยู่ไปได้อีกนาน”
….
ไอศกรีมทิพย์รส สาขาเตาปูน ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 2 เปิดทุกวัน จันทร์-พฤหัสบดี เปิด 10.00-20.00 น. ส่วน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เปิด 09.00-20.00 น.
และล่าสุด ทิพย์รส จะไปร่วมเสิร์ฟความอร่อย ในงาน “FEED RETRO Music •Talk • Food • Book • Trip #90sไม่นานมานี้
โดย มิวเซียมสยาม ชวนทุกคนย้อนวัยไปยุค 90s งานที่ทุกคนจะได้อบอุ่นหัวใจผ่านเสียงดนตรีสดจากนักร้องชื่อดังแห่งยุค เต็มอิ่มกับอาหารจานเด็ดจากร้านในตำนานและร้านดัง
และพลาดไม่ได้กับกิจกรรมพิเศษ Talk ในสวน ที่จะพาทุกคนย้อนความทรงจำไปกับบุคคลในตำนานจากหลายวงการ และกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ท่ามกลางลมหนาว
แล้วพบกัน วันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2566 ร่วมงานฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. ที่ มิวเซียมสยาม MRT สนามไชย ทางออก 1