ครูสอนเปียโน ทายาทอสังหาฯ บุกชานเมือง สร้างบ้านทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์น ราคาไม่แพง กว่า 700 ยูนิต

ครูสอนเปียโน ทายาทอสังหาฯ บุกชานเมือง สร้างบ้านทาวโฮมส์ไตล์โมเดิร์น ราคาไม่แพง กว่า 700 ยูนิต
ครูสอนเปียโน ทายาทอสังหาฯ บุกชานเมือง สร้างบ้านทาวโฮมส์ไตล์โมเดิร์น ราคาไม่แพง กว่า 700 ยูนิต

ครูสอนเปียโน ทายาทอสังหาฯ บุกชานเมือง สร้างบ้านทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์น ราคาไม่แพง กว่า 700 ยูนิต

จากชื่นชอบด้านดนตรีและมีแผนเรียนต่อในด้านนี้ เมื่อได้เข้าไปช่วยดูแลธุรกิจครอบครัว ทำให้ คุณสาโรจน์ สกลวิภาส ตัดสินใจเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ภายใต้ บจก.เอสเคแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ ผู้บุกเบิกบ้านทาวน์โฮมแทบชานเมืองสไตล์โมเดิร์นราคาไม่แพง

โดยเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาบ้านทาวน์โฮมไปแล้วกว่า 700 ยูนิต

ทุกครั้งที่ผมส่งมอบบ้านให้ลูกค้า มันภูมิใจ เพราะผมเห็นมาตั้งแต่พื้นที่โล่ง กว่าจะตอกเสาเข็ม ลงโครงสร้าง วันที่ยอดขายมา ธุรกิจไปต่อได้ ลูกค้าชมบ้านน่าอยู่ แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ต้องมีรางวัลอะไรเลย” ทายาทธุรกิจอสังหาฯ กล่าวกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์  

คุณสาโรจน์ สกลวิภาส
คุณสาโรจน์ สกลวิภาส

จากดนตรีสู่ธุรกิจอสังหาฯ

ก่อนมารับช่วงต่อธุรกิจครอบครัว หลังเรียนจบปริญญาตรี จากรั้วมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คุณสาโรจน์เคยเป็นครูสอนเปียโนตามบ้าน และได้ตั้งเป้าหมายจริงจังถึงการไปเรียนต่อด้านดนตรีที่อเมริกา โดยในระหว่างนั้นก็ได้แวะเวียนเข้าไปช่วยงานคุณพ่อ ผู้บุกเบิกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างหมู่บ้านจัดสรรแบบทาวน์โฮม ตั้งแต่ 10 ถึง 100 ยูนิต

ในการช่วยงาน คุณสาโรจน์ยังไม่สามารถช่วยได้เต็มที่ เพราะยังมีความรู้ด้านอสังหาฯ ไม่เพียงพอ เขาจึงไปลงคอร์ส RECU Academy เพื่อศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ อย่างตั้งใจ แม้จะอายุน้อยที่สุดในคลาสก็ตาม

หลังจากนั้นเขาได้เข้าทำงานในบริษัทอสังหาฯ ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ประมาณ 2 ปี กระทั่งอายุ 25 ย่าง 26 ปี ได้ตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ด้านการตลาด ประมาณ 1 ปีกว่าก็ได้เดินทางกลับมาเมืองไทย ก่อนหว่านแหสมัครงานหลายด้าน ทั้งบริษัทโฆษณา การตลาด อสังหาริมทรัพย์ จนได้เข้าทำงานในบริษัทอสังหาฯ แห่งหนึ่ง นานหลายปี

โครงการ ดิ โอโซน เทพารักษ์-บางบ่อ
โครงการ ดิ โอโซน เทพารักษ์-บางบ่อ

กระทั่งได้รับคำชวนจากคุณพ่อให้มาทำโปรเจ็กต์บนที่ดินแถวบางบ่อ โดยเขาได้มีส่วนในการพัฒนาแบบบ้าน ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างทำงานบริษัท ก่อนลาออกมาในจังหวะที่ได้เริ่มก่อสร้าง ในชื่อ โครงการ ดิ โอโซน เทพารักษ์-บางบ่อ

“เฟสแรกสร้างประมาณ 184 ยูนิต ถือว่าใหญ่แล้ว เพราะรุ่นคุณพ่อทำไว้สูงสุด 100 ยูนิต ช่วงนั้นเหมือนเราไปบุกเบิก ทั้งทำเล ซอยที่ยังไม่เจริญ มันจะขายได้เหรอ เราเลยเอาความทันสมัยมาไว้ที่ชานเมือง แล้วตั้งราคาจับต้องได้ ราคาเริ่มล้านต้นๆ เจาะกลุ่มพนักงานบริษัท ตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงซูเปอร์ไวเซอร์ และทำการตลาดผ่านรถแห่ แจกโบรชัวร์ ใบปลิว ตั้งบูธ บิลบอร์ดข้างตึก

วันแรกเปิดเฟสแรก 100 ยูนิต ขายได้ 50% มันคลายกังวลให้ผมมาก เพราะเป็นโปรเจ็กต์แรกที่ทำ หลังจากนั้นก็ทยอยขายหมดใน 2-3 ปี และขึ้นเฟส 2 ในพื้นที่ติดกัน อีกประมาณ 250 ยูนิต ใช้เวลา 5-6 ปีก็ขายหมดโปรเจ็กต์”

จากโครงการที่ถือเป็นก้าวแรกเต็มตัวในวงการอสังหาฯ คุณสาโรจน์ได้รับรางวัล โครงการอสังหาริมทรัพย์ดีเด่น ประเภททาวน์เฮ้าส์ จากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ในปี 2558

โครงการดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน
โครงการดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน

ปักหมุดโครงการใหม่  

ในความสำเร็จที่ได้มา ทายาทอสังหาฯ เดินหน้าทำสิ่งใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม ด้วยการสร้าง โครงการดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน จำนวน 280 ยูนิต สไตล์โมเดิร์น นอร์ดิก ที่ให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่ส่วนกลางครบครัน ทั้ง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ เป็นต้น

โดยเปิดเฟสแรก 108 ยูนิต สามารถขายได้แล้ว 30%

แบบ Visby
แบบ Visby

“ผมตั้งสโลแกนว่า โมเดิร์น นอร์ดิก ไลฟ์ เป็นชีวิตที่เรียบง่ายบนความทันสมัย เราอยู่ชานเมือง บรรยากาศดี ฉะนั้น โปรดักต์เราต้องดูทันสมัย ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมือง แต่อยู่ในราคาที่คนชานเมืองจับต้องได้

ราคาเริ่ม 2 ล้านต้นๆ ตัวบ้านแบ่งออกเป็น 2 ไทป์ แบบ Visby หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 120 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ แบบ Nora หน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และจุดเด่นอีกอย่างคือเพดานสูง 5.7 เมตร

การออกแบบบ้านแต่ละโครงการ ต้องดูที่กลุ่มเป้าหมาย ดูว่ามีลูกค้าแบบนี้จริงๆ หรือเปล่า และเราไม่ควรประมาท เพราะถึงสไตล์สวย แต่ก็ต้องมาพร้อมราคาที่จับต้องได้ โครงการล่าสุดผมเซอร์เวย์อยู่นาน ดูทั้งผู้คน ชุมชน ที่อยู่อาศัย อาชีพ แล้วเอาปัจจัยทั้งหมดมาพัฒนาให้สอดคล้อง ให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น” คุณสาโรจน์ อธิบาย

โครงการดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน
โครงการดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน

สู้แบรนด์ใหญ่ได้สบาย 

การขายบ้านในปัจจุบันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ด้วยเศรษฐกิจ รวมถึงการบุกตลาดของแบรนด์ใหญ่ ทำให้คนสร้างบ้านเจาะกลุ่มโลคอลเกิดความท้ออยู่บ้าง และต้องหาทางปรับตัว

“มีคำพูดหนึ่งของคุณพ่อ ผมจำได้เสมอ ตราบใดที่เรายังมีของขาย เรายังมีสินค้าอยู่ในบ้าน ยังไงเราต้องทำให้มันขายได้ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีต้นทุน ดังนั้น เราแค่คิดหาวิธีการใหม่ๆ มานำเสนอ การเจาะตลาด จัดโปรโมชัน การออกบูธ รวมถึงทำตลาดออนไลน์

และถึงธุรกิจอสังหาฯ จะมีการแข่งขันเยอะ แต่ผมชอบนะ การที่มีแบรนด์ใหญ่แบรนด์ดังเข้ามาเปิดโครงการในพื้นที่ที่เราบุกเบิก มันทำให้พื้นที่นั้นกลายเป็นชุมชน มีความเจริญเข้ามา ก็ยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้น ดีกว่าเราอยู่เงียบๆ เหงาๆ อย่างโดดเดี่ยว ถึงการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอาจจะมองแบรนด์ใหญ่ก่อน แต่ผมเชื่อว่าเรามีสปีดในการขายที่เร็วกว่า

และอีกสิ่งที่เราสู้แบรนด์ใหญ่ได้ คือความใส่ใจในทุกรายละเอียดของตัวบ้าน ราคาที่ย่อมเยากว่า เราเป็นเจ้าของเอง ทุกโปรเจ็กต์คือชีวิต เราไม่แพ้ใครแน่นอน และขายเสร็จเราไม่ทอดทิ้งลูกค้า ต้องจัดการทุกอย่างระบบระเบียบให้สมบูรณ์จนกว่าจะส่งมอบให้นิติบุคคล ถ้าเราทำได้ แบรนดิ้งจะตามมาเอง พอเราขึ้นโครงการใหม่จะเกิดการบอกปากต่อปากในกลุ่มลูกค้า” 

แบบ Nora
แบบ Nora

อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ด้วยพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ หรือที่เรียกว่า เอสเค อเวนิว หลังจากแบ่งพื้นที่ 25 ไร่มาทำโครงการ ดิ โอโซน สุขุมวิท-คลองด่าน ก็ยังเหลือพื้นที่ด้านหน้าอีก 25 ไร่ บริเวณนั้นอาจสร้างเป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และพื้นที่อีก 10 กว่าไร่ อาจสร้างเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ เช่น ตลาดนัด

และอาจจะได้เห็นการสร้างพูลวิลล่า ที่เขาใหญ่ เพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวที่ครึกครื้นตลอดทั้งปี

นี่คือสิ่งที่ ทายาท บจก.เอสเคแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ คิดไว้

Clubhouse
Clubhouse