เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัย 40 ที่อเมริกา! อดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจ เปิดร้านอาหารไทย ใกล้ทำเนียบขาว

เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัย 40 ที่อเมริกา! อดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจ เปิดร้านอาหารไทย ใกล้ทำเนียบขาว
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัย 40 ที่อเมริกา! อดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจ เปิดร้านอาหารไทย ใกล้ทำเนียบขาว

เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัย 40 ที่อเมริกา! อดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจ เปิดร้านอาหารไทย ใกล้ทำเนียบขาว

ไม่ง่ายเลย สำหรับผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ ที่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาใช้ชีวิตอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ที่มีความแตกต่างทั้งด้านวัฒนธรรม ภาษา และสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยใจมุ่งมั่นและความช่วยเหลือเกื้อกูลกันของพี่น้อง ครูตุ๊ก-ขนิษฐา ชัยชาญกุล คุณตู่-บุษบงค์ นิ่มครุธ ทำให้ คุณเก่ง-เกษร อัจฉริยวิวิธ อดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถเปิดร้านอาหารไทย “สัมปันนี (Sampannee)” ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้สำเร็จ

คุณเก่ง-เกษร อัจฉริยวิวิธ
คุณเก่ง-เกษร อัจฉริยวิวิธ

จากไทย สู่ อเมริกา

คุณเก่ง หรือ ที่คนส่วนใหญ่ในอเมริกาเรียกว่า เคท ต่อสายตรงจากอเมริกาเพื่อพูดคุยกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ เธอเล่าย้อนให้ฟัง ว่าเริ่มหลงใหลการทำอาหารตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยมีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนช่างฝีมือในวังหญิง ได้รับการบ่มเพาะวิชาความรู้ด้านการทำอาหาร ขนมไทย รวมถึงวิชาแกะสลัก ร้อยมาลัย น้ำอบน้ำปรุง และดนตรีไทย

ใช้เวลาเรียนได้ประมาณครึ่งปี ก็ได้กลับมาเรียนต่อจนจบปริญญาโท ด้านคอมพิวเตอร์ ก่อนเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง และสอบเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ทำงานนี้ยาวนานถึง 25 ปี แม้จะไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร แต่ความรู้ก็ไม่เคยหายไป เพราะได้ฝึกฝีมืออยู่เป็นประจำกับพี่สาว ครูตุ๊ก ที่ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนทำอาหาร และจากการทำงานทำให้เธอมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ จนได้เจอกับคู่ชีวิตและย้ายมาตั้งรกรากในอเมริกา

“ช่วงที่มาอยู่อเมริกาใหม่ๆ คิดว่าจะทำอะไรดีในชีวิต เพราะมาตอนอายุ 40 กว่าแล้ว จะเริ่มใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ภาษาก็ไม่ได้เก่งเท่าคนที่นี่ สมัครงานที่ไหนก็ไม่รับ เพราะไม่ได้จบปริญญาจากต่างประเทศ ฉะนั้น เราต้องเปิดธุรกิจของตัวเอง นั่นคือ ร้านอาหาร เพราะพี่สาวคนโตครูตุ๊ก มีสูตรอาหารอยู่แล้ว

ร้านสัมปันนี
ร้านสัมปันนี

แต่การทำธุรกิจในประเทศนี้ เราไม่รู้อะไรเลย เลยตัดสินใจไปสมัครงานเพื่อเรียนรู้ระบบต่างๆ บริษัทแรก เข้าไปศึกษาระบบการจ้างคน การบริหารคน ทำอยู่ครึ่งปีจนรู้ ถึงถอนตัวออกมาสมัครอีกบริษัท ในตำแหน่งแคชเชียร์เพราะอยากรู้ระบบการเงิน ทำได้ 3 เดือน ก็ลาออกมาสมัครอีกบริษัท แผนกเบเกอรี่ เพราะต้องการรู้เรื่องรสชาติ วิธีการทำขนม และอยากรู้วัฒนธรรมแต่ละช่วงเวลาของคนประเทศนี้เขากินอะไร ใช้อะไร เป็นที่สุดท้ายที่ทำให้รู้ระบบทั้งหมด ทั้งเจ้านาย เพื่อนร่วมงานดีมาก ช่วยแนะนำเราทุกอย่าง จนเป็นเพื่อนกันถึงทุกวันนี้

จากนั้นเซอร์เวย์หาพื้นที่ ใช้ประสบการณ์ชีวิตจากไทยบวกกับการทำงานในอเมริกา คนอื่นอาจจะบอกว่า ทำไมต้องมาเปิดร้านที่ ดีซี ทำไมไม่ไปทำเมืองเล็กๆ มุมมองเราต่างกัน เรามองว่า ดีซี เป็นจุดรวมของผู้คน มีทั้งที่พักอาศัย แหล่งท่องเที่ยว สำนักงานออฟฟิศ ก็ตัดสินใจเปิดร้านหลังจากมาอยู่อเมริกาได้ 1 ปี

เริ่มจากร้านเฝอ เพราะมีสูตรจากคุณย่าที่เป็นคนเวียดนาม และลูกสาวชอบกินราเมน ก็ไปเรียนสูตรมาเปิดคู่กัน และตั้งใจว่าจะเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวเรือเพิ่ม แต่ปรากฏว่าเปิดได้ 45 วันโควิดเข้าอเมริกา เลยตัดสินใจปิดร้านทันที และจากการอยู่บ้าน ก็ได้ทำธุรกิจ Shipping นำเข้าส่งออกสินค้าไทย อเมริกา”

เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี
เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี

ตั้งหลักใหม่ กับ สัมปันนี

จากร้านอาหารที่ปิดตัว ในปี 2565 สถานการณ์โควิดที่อเมริกาดีขึ้น ทำให้คุณเคทกลับมาตั้งหลักใหม่ด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม เธอเซอร์เวย์หาทำเลที่ตั้งร้านอาหารแห่งใหม่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และถูกใจร้านร้านหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนตึกเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่บนถนนที่เป็นแหล่งรวมคนวัยทำงาน บ้านพักอาศัย โรงแรม อพาร์ตเมนต์ โรงพยาบาล คล้ายกับย่านทองหล่อในไทย และยังใกล้มหาวิทยาลัย สถานทูต ทำเนียบขาว

จนได้เจรจากับแลนด์ลอร์ดผ่านโบรกเกอร์ แม้จะยากมากแต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะเธอแสดงวิสัยทัศน์รวมถึงแผนโครงการของร้านชัดเจน โดยมีสัญญาเช่าระยะยาว 10 ปี พร้อมชำระค่าเช่าแบบรายเดือนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง

ในระหว่างตกแต่งร้านก็ได้เริ่มปล่อยข่าวสารออกไปว่ากำลังจะเปิดร้านอาหารชื่อ สัมปันนี ซึ่งเป็นชื่อขนมไทยโบราณ ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยมีโอกาสทำถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 และตกแต่งร้านด้วยสไตล์ Cozy มีทั้งดอกไม้ และกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากไทย โดยร้านสามารถรองรับลูกค้าได้ 70 ที่นั่ง

บรรยากาศร้านสัมปันนี
บรรยากาศร้านสัมปันนี

“การทำร้านนี้แบ่งหน้าที่กัน พี่สาวคนโต ครูตุ๊ก ดูสูตรและคุณภาพอาหาร พี่สาวคนรอง คุณตู่ ดูบัญชีการเงิน ส่วนตัวเราดูแลภาพรวมร้าน ครูตุ๊กจะส่งสูตรมาให้ เราก็ทำงานร่วมกับ Head Chef’s ของร้าน ที่มีประสบการณ์ และพรสวรรค์ในการทำงานอาหารไทย คิดค้นสูตรใหม่ๆ ด้วยกันเสมอ เป็นทีมงานที่เก่งมากๆ และนำสูตรครูตุ๊กมาปรับแล้วชิม เพราะเนื่องจากส่วนผสมในไทยกับอเมริกามีความต่างกัน เช่น น้ำตาล เราก็เอาสูตรมาปรุงให้ได้รสชาติที่เป็นไทย มีให้เลือก 4 ระดับ ไม่เผ็ด เผ็ดกลาง เผ็ดมาก เผ็ดที่สุด

ก็ไม่คิดนะ เปิดมาได้ 2 เดือน ลูกค้าเข้ามาด้วยเหตุผลว่า เพราะเราปรุงรสชาติแบบอาหารไทยจริงๆ และลูกค้าเปิดใจทดลองกินเผ็ด และความน่ารักคือ คนในละแวกร้านมาทานแล้วเขียนรีวิวให้ ร้านเราดังมากเรื่องแกงไทย ไม่ว่าจะเป็นแกงแดง แกงเขียว แกงเหลือง มัสมั่น เขาชอบมาก ต้องปรุงซอสทุกวันเพื่อความสดใหม่

ถ้าถามว่าทำไม ลูกค้าถึงบอกว่าแกงร้านเราอร่อย เชื่อได้อย่างหนึ่งเลยว่า อาหารที่ดีไม่ใช่แค่ฝีมือที่ทำ แต่ต้องหมายถึงส่วนผสม เครื่องปรุงที่มีคุณภาพ ยิ่งถ้าได้สินค้าของคนไทย หนึ่ง ได้ซัพพอร์ตคนไทยด้วยกัน สอง ได้วัตถุดิบที่ตรงกับสิ่งที่เรากินในประเทศไทยผ่านซัพพลายเออร์ ลูกค้าจะรู้ได้ด้วยการชิม เราใช้ทุกอย่างต้นทุนสูง คุณภาพสูง มันสบายใจและมีความสุขทุกครั้ง เพราะเป็นคนที่เดินออกมาคุยกับลูกค้าทุกโต๊ะ เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม

เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี
เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี

นอกจากแกงแบบไทยๆ แล้ว สัมปันนี ยังเสิร์ฟเมนูอาหารไทยขึ้นชื่ออีกหลายเมนู เช่น ข้าวผัดปู ก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมา ต้มยำซีฟู้ดหม้อไฟ ข้าวซอย ผัดไทยต้มยำ ข้าวผัดสับปะรด และอื่นๆ ส่วนเครื่องดื่ม มีชาไทย โอเลี้ยง และม็อกเทลต่างๆ

“บอกเลยว่าอาหารไทยไม่ใช่ใครก็ทำได้ อย่างข้าวผัด แบบไทยต้องผัดให้แห้ง น้ำมันไม่เยิ้ม หอมกลิ่นกระทะ จากการเผากระทะให้ร้อนก่อนใส่น้ำมัน แล้วค่อยปรุง

เมนูที่พิเศษกว่าร้านอื่นคือ ผัดไทยต้มยำ เราเอาส่วนผสมเครื่องต้มยำมาผัด ไม่ว่าจะเป็น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ชาวต่างชาติชอบมาก ยิ่งต้มยำเป็นเมนูซุปที่ลูกค้าสั่ง พอกินเสร็จก็สั่งผัดไทยต้มยำต่อ เขาชมว่า อเมซิ่งมาก ทำได้ยังไง

และทุกเมนูจะมี Head Chef’s ชิมก่อนเสิร์ฟ และถ้าเราเห็นว่าหน้าตาไม่ผ่าน ก็ไม่ให้เสิร์ฟ ตีกลับไปทำใหม่ พนักงานเสิร์ฟจะต้องคอยแนะนำลูกค้าต่างชาติ เพราะเขาไม่รู้จักส่วนผสมเหมือนคนไทย ระวังมากๆ เลยคือ การแพ้อาหาร มากที่สุดคือแพ้ถั่ว เพราะเขามีสิทธิ์ฟ้องเราได้ บางคนไม่กินน้ำปลา เราก็ต้องปรับสูตรใส่เกลือแทน ดังนั้น ต้องเทรนด์พนักงานอย่างเข้มงวด ส่วนการดูแลไม่ว่าใคร คนไทยหรือต่างชาติเราดูแลเท่ากันหมด”

เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี
เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี

ดังได้ด้วยตัวเอง

ก่อนเล่าต่อถึงราคาอาหาร การเปิดร้านในทำเลที่เรียกว่าเป็นเมืองหลวงของอเมริกา มีทั้งนักท่องเที่ยว ผู้อยู่อาศัย รายได้ของคนส่วนใหญ่ถือว่าอยู่ในระดับสูง การตั้งราคา เช่น ข้าวซอย 18 เหรียญ ข้าวผัดสับปะรด 19 เหรียญ ข้าวผัดปู 22 เหรียญ ต้มยำซีฟู้ดหม้อไฟ 29 เหรียญ เป็นต้น

“ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าร้าน เพิ่งเปิดได้ 2 เดือน คาดการณ์ยากมาก บางที 11 โมงก็กรูกันเข้ามาแล้ว บ่ายโมงครึ่งเริ่มซา เพราะคนกลับไปทำงาน นักท่องเที่ยวเดินไปเที่ยว ระหว่างนั้นจะเข้ามาเรื่อยๆ ประปราย และมาเยอะช่วงเย็น ถ้าหน้าร้อนพระอาทิตย์ตกช้า กว่าคนจะเข้าร้านก็ 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม แต่ถ้าหน้าหนาวมืดเร็ว คนจะเข้าตั้งแต่ 5 โมงเย็น จะแน่น โต๊ะเต็ม มียืนรอกัน คนดังมากๆ ยังไม่มีแวะมา แต่มีบล็อกเกอร์ใน ดีซี นิวยอร์ก หลายคนมากแวะมากิน มารีวิว ที่คนรู้จักร้านเราได้เร็วเป็นเพราะบล็อกเกอร์เหล่านี้จริงๆ ยังไม่เคยทำโฆษณาเลย”

เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี
เมนูอาหารจากร้านสัมปันนี

จากระยะเวลา 2 เดือนที่เปิดให้บริการ สัมปันนี ถือว่าเป็นร้านอาหารที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งนักท่องเที่ยวและคนในอเมริกา ในอนาคต คุณเคทจึงวางแผนขยายสาขาที่ 2 และ 3 เน้นไปที่อาหารไทยสตรีตฟู้ด อาหารอีสาน และทำเป็น Drive thru

รวมถึงเร็วๆ นี้ ยังมีแผนเปิดบริษัทให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในอเมริกาและแคนาดา โดยนำประสบการณ์การทำร้านอาหาร รวมถึงการทำธุรกิจ Shipping มาช่วยให้คนไทยที่อยู่ในไทยและอเมริกาที่ตัดสินใจเปิดธุรกิจ สามารถเปิดธุรกิจและอยู่ได้ในระยะยาว

 

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2566