ทำงานบริษัททัวร์เกือบ 20 ปี สะดุดโครมเบ้อเร่อเพราะโควิด หันขาย ก๋วยเตี๋ยว สู้วิกฤต

ทำงานบริษัททัวร์เกือบ 20 ปี สะดุดโครมเบ้อเร่อเพราะโควิด หันขาย ก๋วยเตี๋ยว สู้วิกฤต ต่อยอดเปิดร้านขายผลไม้เพิ่มอีกทาง

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ ได้พูดคุยกับ คุณสิตา-บุญสิตา​ แสงทอง​ วัย 46 ปี เจ้าของร้าน สิตา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ สูตรโบราณ ที่ร้านเพิ่งเปิดดำเนินกิจการมาได้ 2 ปีก็ได้ขยายไลน์กิจการเปิดร้านขายผลไม้ต่อได้อีกร้านท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระบาดแบบนี้

คุณสิตา เล่าว่า เดิมเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายในบริษัททัวร์ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง โดยทำมาเกือบ 20 ปีเลยทีเดียว ชีวิตการทำงานดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอผันตัวมาเป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว

คุณสิตา-บุญสิตา​ แสงทอง​ วัย 46 ปี เจ้าของร้าน สิตา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ สูตรโบราณ

“เราทำงานในวงการทัวร์ ก่อนหน้านี้มันก็รับรู้ข่าวแหละค่ะ ว่าที่จีนเขามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเดี๋ยวมันก็หาย ไม่ได้คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้ พอปี 61 มันระบาดเข้ามาในไทย ก็เริ่มคิดๆ แล้วว่าจะเอาอย่างไร จนสุดท้ายสถานการณ์มันแย่ถึงขนาดที่ว่า งานทัวร์ไม่มีเข้ามา บางงานก็ยกเลิก มันก็ทำให้เราพอจะมองเห็นอนาคตแล้วว่า บริษัทอาจจะมีลดเงินเดือน หรือเลวร้ายที่สุด อาจจะมีการจ้างออก แล้วตอนช่วงนั้น เราเข้าใจว่าออฟฟิศมีการประกาศปิดชั่วคราว ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่มีความแน่นอนอะไรสักอย่างบอกเราเลยว่า เราต้องทำยังไง ไปทางไหนต่อ เลยตัดสินใจ โอเค ออกก็ได้ แต่ต้องหาอะไรทำแทน เพราะค่าใช้จ่ายเราก็ยังมีอยู่”

คุณสิตา-บุญสิตา​ แสงทอง​ วัย 46 ปี เจ้าของร้าน สิตา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ สูตรโบราณ

“แล้วจะทำอะไร ก็เริ่มจากความชอบ คือ เราเป็นคนชอบทานและชอบทำอาหาร ซึ่งมีก๋วยเตี๋ยวต้มยำอยู่ร้านหนึ่งที่เคยไปทานแล้วรู้สึกชอบมากๆ แต่เขาไม่มีแฟรนไชส์ ด้วยความที่ทำงานมาหลายปี ทำให้เราก็รู้จักมักคุ้นกับผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ไม่น้อย เลยอาศัยคอนเน็กชั่นของคนรู้จัก ให้ช่วยคุยกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ให้เขาช่วยมาสอนเรา เพราะเราอยากขาย เลยได้ไปเรียนกับเขา และปรับสูตรให้ต่างจากของเขา จนกลายเป็นสูตรของเราเอง” คุณสิตา เล่า

คุณสิตา ยังเล่าอีกว่า ในตอนแรกที่ตัดสินใจทำ ก็ยังไม่มีความมั่นใจนัก เพราะไม่เคยทำอาชีพค้าขายมาก่อน จึงลองทำให้คนในครอบครัวและคนรอบข้างลองชิม จนได้เสียงตอบรับที่ดีและมีคนเชียร์ให้ทำขาย จึงมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นและลองทำขายในหมู่บ้านดูกระแสก่อน

กระทั่งผ่านไป 6 เดือน ผลตอบรับก็ยังเป็นไปในทางบวก คุณสิตาจึงย้อนกลับมาคิดอีกครั้งว่า ธุรกิจก๋วยเตี๋ยวของเธอ ควรไปต่อได้มากกว่านี้ นั่นคือ การเปิดร้านเป็นจริงเป็นจัง

“ขายในหมู่บ้าน มันก็ได้รับผลตอบรับดีค่ะ แต่มันก็ไม่ได้ดีแบบนี้ตลอดไป เพราะคนก็ไม่ได้กินทุกวัน แล้วก็ไม่ได้ชอบกินอะไรซ้ำๆ เดิมๆ กันทุกวัน มันทำให้เกิดอาการเบื่อหน่าย เลยคิดว่าเราน่าจะเปิดเป็นร้านข้างนอกหมู่บ้านดู เลยไปดูที่ทางและมาลงตัวที่ตลาดโต้รุ่ง แถวลำลูกกา คลอง 4 เพราะยังไงมันก็มีลูกค้าที่มาซื้อของก็เข้ามากิน แต่ตอนเปิดแรกๆ ก็ยังไม่ได้ขายดีอย่างที่คิดนะ เพราะเราเป็นร้านใหม่ ไหนจะมีช่วงล็อกดาวน์ ก็ได้ตามแอพดีลิเวอรี่กับลูกค้าที่มาซื้อกลับบ้าน”

“บางทีเห็นร้านข้างๆ เขาขายดี ก็แอบคิดเล็กๆ แต่เราก็ไม่ท้อ ไปยืนหน้าร้านเรียกลูกค้าให้ลองเข้ามากิน กว่าจะได้มาแต่ละชาม รู้เลยว่ามันลำบากขนาดไหน ตอนนี้ก็เกือบ 2 ปีแล้วที่ขายมา มีทั้งลูกค้าประจำ ลูกค้าขาจร บางคนมากินที่ร้านประจำทุกวัน จนคนอื่นรู้จักร้านเรา ในแอพดีลิเวอรี่ก็มีออร์เดอร์เยอะขึ้น” คุณสิตา ว่าอย่างนั้น

โดยจุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวต้มยำของร้านคุณสิตา คือความสดใหม่ของเครื่องปรุง เพราะสาวเจ้าของร้านนั้นทำเองคั่วเองแทบทั้งนั้น จึงเป็นจุดที่ทำให้รสชาติก๋วยเตี๋ยวต้มยำของที่นี่ แตกต่างจากร้านอื่นนั่นเอง

“ถ้าเทียบกันแล้ว รายได้ของตอนทำงานออฟฟิศ ณ ตอนนั้น แน่นอนว่าดีกว่าค่ะ เพราะเราได้ค่าคอมมิชชั่นด้วย แต่พอเป็นร้านอาหาร มันต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์ เรื่องรายได้เลยอาจจะเทียบกันไม่ได้ แรกๆ หักนั่นนี่ มันก็ได้ไม่ถึงหมื่น มันเหนื่อยนะ ระหว่างทาง เพราะมันต้องปรับตัวหนักมากเลย แต่ใจเราสู้ เลยอดทนผ่านมันมาได้” คุณสิตา เล่า

หลังจากกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำดำเนินไปได้ด้วยดีและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี คุณสิตา เผยว่า ตนก็แอบคิดถึงเรื่องเงินเช่นกัน เพราะในจุดที่เคยทำ มันได้มากกว่าปัจจุบัน จึงตัดสินใจเซ้งร้านขายผลไม้ข้างๆ มาเป็นของตัวเอง เป็นการต่อยอดกิจการอีกหนึ่งกิจการ

“ร้านข้างๆ เราเป็นร้านขายผลไม้ เราก็เห็นและเคยคุยกับเด็กที่ร้านตามประสาคนทำมาค้าขายใกล้กัน ก็เลยรู้ว่ากิจการขายผลไม้มันไปต่อได้ ประจวบเหมาะกับเจ้าของเขาปล่อยเซ้ง เพราะเขาจะไปทำอย่างอื่น เราเลยไปเซ้งมาทำต่อ ตอนนี้ก็เลยทำทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว และขายผลไม้ไปด้วย แน่นอนว่างานมันเพิ่มขึ้น มันก็เหนื่อยขึ้น แต่อะไรที่จ้างคนทำได้เราก็จ้าง ไม่ได้ให้เป็นภาระตัวเองขนาดนั้น ซึ่งรายได้จากทั้ง 2 กิจการรวมกัน ก็ประมาณครึ่งแสนต่อเดือน จริงๆ ก็มีคิดต่อว่าจะทำอะไรเพิ่ม แต่มันก็ยังบอกไม่ได้เพราะต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่าง”

“มุมมองความคิดคนเราสำคัญมาก เพราะถ้าเราคิดแย่ๆ คิดลบอยู่ตลอด มันก็เป็นอุปสรรคให้เราทำไม่สำเร็จ ถ้าเกิดท้อ ก็ขอให้คิดเสียว่า มันเป็นโจทย์โจทย์หนึ่งให้เราค่อยๆ แก้ไป ทำได้เท่าไหนยังไงมันก็โอเคแล้ว เพราะเราทำเต็มที่แล้ว ให้ก้าวไปทีละขั้น ท้ายที่สุดจะถึงเป้าหมายหรือไม่ มันอยู่ที่ตัวเรา” คุณสิตา ทิ้งท้ายว่าอย่างนั้น

ราคาก๋วยเตี๋ยวที่หน้าร้าน มี 2 ราคา คือ 45 บาท และ 55 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก สิตา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ สูตรโบราณ

เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565