มาดูแลขนและผิวหนังสุนัขกันเถอะค่ะ

ขน…ของสุนัขเปรียบเสมือนเกราะป้องกันผิวหนังอย่างดี ก็เปรียบเสมือนเสื้อผ้าที่คนเราสวมใส่เพื่อป้องกันผิวหนังของเรานั่นเอง ฉะนั้นการดูแลขนในสุนัขมีความสำคัญไม่น้อยที่เจ้าของต้องให้ความใส่ใจมากๆ นะคะ

สุนัขแต่ละสายพันธุ์ก็ย่อมมีลักษณะของขนแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเรื่องความยาวของขน เรื่องความหนาบางของขน หรือแม้แต่ขนหยิก ขนตรงเป็นต้น สายพันธุ์ก็ทำให้ขนต่างกันนะคะ สุนัขพันธุ์ที่ขนสั้นเช่นพันธุ์ชิวาวา ปั๊ก บีเกิ้ล ลาบราดอร์ หรือแม้แต่สุนัขไทยทั่วๆไปที่เราๆเห็นกันเป็นต้น สุนัขพันธุ์ที่ขนยาวปานกลางเช่นพันธุ์บางแก้ว ไซบีเรียน พุดเดิ้ล โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เป็นต้น และสุนัขพันธุ์ที่ขนยาวเช่น ชิสุ ปอมเมอเรเนียน มอลทีส เป็นต้น

ถ้าสุนัขของเราไม่ได้รับการดูแลขนและผิวหนังอย่างถูกวิธีแล้วล่ะก็ท่านเจ้าของสุนัขทั้งหลายก็จะพบปัญหาของผิวหนังในสุนัขของท่านตามมามากมายแน่นอน

ปัจจัยที่จะส่งผลต่อสภาพขนและผิวหนังของสุนัขที่ควรทราบ ได้แก่

1.พันธุกรรม

เป็นปัจจัยแรกที่ทำให้ขนของสุนัขแตกต่างกันไป ซึ่งสุนัขแต่ละตัวจะมีพันธุกรรมที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากพ่อแม่สุนัขในลักษณะที่แตกต่างกัน ทำให้สภาพของขนแตกต่างกันออกไป บางตัวอาจจะเกิดมามีขนสวยเงางาม แต่บางตัวก็อาจจะมีขนหยาบกระด้าง ขนสั้นหรือขนยาวก็ตามแต่ละสายพันธุ์ค่ะ

2.การดูแลของผู้เลี้ยง

การได้รับการดูแลถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสภาพขนของสุนัขนะคะ หากเขาไม่ได้รับการดูแลใส่ใจ หรือได้รับการดูแลที่น้อยเกินไปจากผู้เลี้ยง เช่น การอาบน้ำ การแปรงขน การบำรุง ก็อาจจะทำให้พวกเขาสกปรก มอมแมม ขนเป็นสังกะตังได้ง่ายๆ หรืออาจเกิดเป็นโรคของผิวหนังได้อีกหลายโรคเลยค่ะ

3.อาหาร

คุณภาพของอาหารถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อสภาพขนและผิวหนังของสุนัขค่ะ ถ้าหากพวกเขาได้รับอาหารที่มีคุณภาพต่ำ หรือได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ก็จะทำให้เส้นขนหยาบกระด้างและหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ แม้แต่สภาพของผิวหนังเองก็อาจเกิดความแห้งของผิวหนัง เกิดรังแคเป็นสะเก็ด เป็นแผลที่ผิวหนังได้ด้วย

4.เห็บหมัด

เห็บหมัดถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่มักอยู่คู่กับสุนัขจริงมั้ยคะท่านผู้อ่าน ซึ่งถ้าหากเจ้าของสุนัขไม่หมั่นดูแลความสะอาดสุนัขที่แสนรักให้ดี บรรดาเห็บหมัดก็จะย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากบนขน บนตัวของสุนัขของท่าน ซึ่งนั่นก็หมายถึงความสกปรกและเชื้อโรคต่างๆตามมา ทำให้เป็นสาเหตุของอาการคันได้ด้วย ซึ่งมักจะส่งผลทำให้ผิวหนังอักเสบและขนหลุดร่วงได้นะคะ

5.สุขภาพร่างกาย

สุขภาพร่างกายของสุนัขก็ถือว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อสภาพขนนะคะ เพราะว่าหากพวกเขาเจ็บป่วย ระบบร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี หรือกินอาหารได้น้อย ก็จะส่งผลต่อผิวหนังและขนของสุนัข ซึ่งอาจทำให้ขนหยาบและหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

นอกจากปัจจัยต่างๆข้างต้นที่จะส่งผลต่อสภาพขนและผิวหนังของสุนัขที่ท่านผู้อ่านได้ทราบกันแล้ว หมอก็มีขั้นตอนง่ายๆในการดูแลขนและผิวหนังของสุนัขของท่านผู้อ่านมาบอกนะคะ ซึ่งมีด้วยกัน 5 เทคนิควิธีดังนี้

1.ต้องระวังอย่าให้ขนของสุนัขเกิดสังกะตังขึ้น การที่ขนเป็นสังกะตังได้นั้นอาจเกิดจากการที่สุนัขของเรานั้นวิ่งเล่นไปคลุกกับดิน หรือไปกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้าบางทีมักจะมีเศษไม้ ใบไม้เล็กๆ หรือพวกฝุ่นผงติดขนมา ซึ่งเจ้าเศษสกปรกเหล่านี้จะทำให้ขนพันกันเป็นสังกะตังได้ง่ายมาก วิธีการแก้ปัญหาขนเป็นสังกะตังนั้นก็มีตั้งแต่การสางขนออก ไปจนถึงการโกนขนทิ้งเลยค่ะ ซึ่งผู้เลี้ยงก็ยังคงต้องสังเกต ตรวจดูลักษณะเส้นขนอยู่เป็นประจำ ซึ่งการสังเกตดูด้วยสายตาอาจจะไม่เพียงพอนะคะ ผู้เลี้ยงต้องจับตัวพวกเขามาลูบๆ คลำๆดู จะเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายที่สุดค่ะ หากเจอปมเล็กตามจุดสำคัญๆ ก็จัดการกับเจ้าปมเหล่านั้นได้เลย (ถ้ายิ่งสาง กำจัดปมเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวเป็นสังกะตังไวเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้สุนัขเจ็บตัวน้อยลง และไม่ทรมานกับการเป็นผิวหนังอักเสบด้วยค่ะ)

2.ควรหมั่นแปรงขนสุนัขทุกๆวัน โดยเฉพาะสำหรับสุนัขที่ขนยาวนั้นเป็นการดูแลที่ค่อนข้างยาก สำหรับการแปรงขนถือเป็นการกระตุ้นให้เลือดมาหล่อเลี้ยงผิวหนังได้ดี การแปรงขนเป็นการช่วยนวดให้ต่อมไขมันที่โคนขนให้ขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขน จะช่วยทำให้สุนัขมีขนสวยเงางาม ผิวหนังมีสุขภาพดี และยังเป็นการขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกมาจากผิวหนังอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้การดูแลแปรงขนทุกๆวันนั้นก็เหมือนกับการผลัดเซลล์ผิวของคนเรานี่ล่ะค่ะ ซึ่งการแปรงขนจะช่วยเอาขนที่หลุดร่วงออกไปและลดการเกิดสังกะตังได้นั่นเอง

3.การอาบน้ำสุนัข สำหรับสุนัขขนยาวการอาบน้ำควรอาบสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรืออาจดูตามความเหมาะสมค่ะ ถ้าหากวันไหนพวกเขาไปเล่นซนสกปรก จนไม่สามารถเช็ดสิ่งสกปรกออกได้ ผู้เลี้ยงก็สามารถอาบน้ำให้เขาได้นะคะ และที่สำคัญคือ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผู้เลี้ยงต้องใช้ไดร์เป่าขนพวกเขาจนแห้งสนิท โดยไม่ควรปล่อยให้ขนแห้งเอง เพราะจะทำให้ขนจับตัวเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งอาจกลายเป็นสังกะตังได้ ส่วนสุนัขที่ขนยาวปานกลางก็ต้องการการดูแลใส่ใจเรื่องขนเหมือนกันนะคะ โดยสุนัขที่ขนยาวปานกลางมักจะพบปัญหาตามจุดสำคัญๆ เช่น ขนบริเวณรอบดวงตา รอบปาก หลัง ก้น หาง ใต้ท้อง และจุดสำคัญที่ผู้เลี้ยงมักจะหลงลืมไปนั่นก็คือ ใต้อุ้งเท้า นั่นเองค่ะ การดูแลป้องกัน ก็จะคล้ายๆ กับสุนัขที่ขนยาว เพียงแต่ว่าผู้เลี้ยงไม่ต้องดูแลบ่อยเป็นพิเศษเหมือนสุนัขขนยาว สำหรับสุนัขที่ขนยาวปานกลางควรอาบน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และอย่าลืมแปรงขนเพื่อขจัดขนที่หลุดร่วง และสิ่งสกปรกออกด้วยนะคะ ส่วนสุนัขขนสั้นนั้นดูแลง่ายที่สุด ควรอาบน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเช่นกัน และที่สำคัญผู้เลี้ยงเองจะต้องหมั่นใช้ผ้าชุบน้ำ หรือสำลีชุบน้ำเช็ดร่องแก้ม หรือรอยย่นที่ถูกพับไว้ด้านในของสุนัขที่มีผิวหนังย่นทุกวัน หรือหลังอาบน้ำเสร็จทุกครั้ง เพราะบริเวณข้างแก้มจะมีคราบน้ำตา หรือบริเวณรอยพับจะอับชื้นได้ง่าย ซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นตัวและโรคผิวหนังค่ะ

4.อย่าให้สุนัขของท่านนั้นเกามากไป สุนัขที่มีขนยาวนั้นจะต้องดูแลขนอย่างดีมากๆและเราจะต้องคอยดูแลเขาตลอดเวลา ดังนั้นอย่าให้เขาเกามากเกินไป เพราะการที่เขาเกามากเกินไป คือเกาแบบเอาเป็นเอาตายนั้นจะทำให้ขนเขาพันกันได้ นอกจากนี้ต้องหาสาเหตุของการเกาของสุนัขด้วยนะเพราะว่าเขาเกาขนาดนั้น ผิวหนังอาจมีปัญหาอะไรก็ได้หรือแพ้อะไรรึเปล่า ควรต้องพาเขาไปตรวจเช็กกับสัตวแพทย์ดูคงจะดีกว่านะคะ อย่าปล่อยให้พวกเขาคันและเกาจนกลายเป็นแผลรุนแรง ซึ่งจะทำให้ต้องรักษายุ่งยากและนานกว่าจะหาย

5.เปลี่ยนทรงขนเป็นทรงขนสั้น เทคนิคนี้ง่ายสุดๆแล้วล่ะค่ะในบรรดาการแก้ไขปัญหา โดยพาสุนัขของเราไปตัดขนที่ร้านตัดขนให้เขาแปรงทรงแต่งทรงให้สวยและดูสบายตัว เมื่อสุนัขสบายตัว เราก็สบายใจ จะได้ดูแลกันง่ายมากกว่าเดิมยิ่งขึ้นไงล่ะคะ