ที่มา | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | อัสวิน ภักฆวรรณ |
เผยแพร่ |
จากกระแสของความนิยมในการเลี้ยงนกกรงหัวจุก หรือนกปรอทหัวโขนมานาน โดยเฉพาะระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในจังหวัดสงขลา และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ และในบางพื้นพบว่ามีการเลี้ยงกันแทบทุกครัวเรือน และแต่ละครัวเรือนเลี้ยงนกกรงหัวจุกไม่น้อยกว่า 1 ตัว สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกมากกว่า 1 ตัว ในแต่ละครัวเรือน เป็นเพราะมีการแข่งขันประกวดประชันเสียงของนกกรงหัวจุก
การเลี้ยงนกกรงหัวจุกที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเฟื่องฟูตามไปด้วย หนึ่งในนั้นคือการเลี้ยง “หนอนนก” ซึ่งเป็นอาหารของนกกรงหัวจุก จนถึงขณะนี้ มีผู้เพาะเลี้ยงหนอนนกเพื่อจำหน่ายหลายราย

ลุงหมู่ ลิ้มสกุล อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนจันทร์วิโรจน์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บอกว่า การเพาะเลี้ยงหนอนนก เป็นอาชีพที่สร้างเสริมสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ การเลี้ยงไม่ยาก ไม่ต้องลงทุนอะไร ใช้เนื้อที่ก็ไม่มาก ประมาณ 5 คูณ 5 เมตร บริเวณเรือนที่อยู่อาศัย
ลุงหมู่ ยังบอกถึงวิธีการเลี้ยงว่า เริ่มจากเพาะเลี้ยงแม่พันธุ์ประมาณ 70 วัน จนเป็นดักแด้แล้วรออีกประมาณสัก 6-7 สัปดาห์ แล้วก็จะกลายเป็นตัวด้วงสีดำ โดยแต่ละถาดจะมีตัวด้วงประมาณ 400 ตัว จากนั้นแล้วตัวด้วงก็จะไข่ออกมา และฟักไข่อีกประมาณสัก 7 วัน จนกระทั่งกลายเป็นตัวอ่อนของหนอนนก จากนั้นใช้เวลาเลี้ยงตัวอ่อนอีกประมาณ 2 เดือน จนถึงเวลาที่สามารถจับขายได้ แต่จะต้องควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ไม่เกิน 28 องศาเซลเซียส เพราะหากสูงกว่านั้นหนอนจะตาย โดยอาหารสำหรับใช้เพาะเลี้ยงตัวหนอนในทุกขั้นตอน จะใช้รำสาลีหรืออาหารลูกไก่ก็ได้

คุณลุงหมู่ บอกด้วยว่า ปัจจุบัน หนอนนก กลายเป็นที่ต้องการของตลาดมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกที่มีอยู่จำนวนมาก จนการผลิตหนอนนกออกจำหน่ายในแต่ละรุ่นไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงหนอนนก สามารถพัฒนาเป็นอาชีพหลักได้ แต่ผู้เลี้ยงจะต้องมีความอดทน เพราะต้องใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงค่อนข้างนาน แต่เมื่อเทียบกับราคาที่ขายได้ถึง กิโลกรัมละ 300 บาท แล้ว ถือว่าคุ้มค่าเหนื่อยทีเดียว