Meat Avatar ธุรกิจอาหารแห่งอนาคต เปิดตัว 6 เดือน เข้าโมเดิร์นเทรด 150 สาขา

Meat Avatar ธุรกิจอาหารแห่งอนาคต เปิดตัว 6 เดือน เข้าโมเดิร์นเทรด ได้กว่า 150 สาขาทั่วประเทศ

ปัจจุบัน ธุรกิจด้านอาหาร มีอัตราการเติบโตและทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ บวกกับเทรนด์รักสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ยิ่งทำให้เหล่าผู้ประกอบการต่างผลิตสินค้า เพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคกันมากขึ้น ซึ่งสินค้าประเภทแพลนต์เบส (Plant-based) จึงดูเหมือนจะตอบโจทย์ได้ดี

เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณวิภู เลิศสุรพิบูล วัย 39 ปี เจ้าของ Meat Avatar ธุรกิจเนื้อจากพืช ที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพอยู่ในขณะนี้ โดยเขาเล่าถึงที่มาที่ไปของธุรกิจให้ฟังว่า เดิมทีเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้สด นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอาหาร อย่าง เครื่องปรุง เป็นต้น

คุณวิภู เลิศสุรพิบูล วัย 39 ปี เจ้าของ Meat Avatar ธุรกิจเนื้อจากพืช

“ด้วยตัวธุรกิจที่ทำ มันเลยทำให้เราต้องคอยอัพเดตเทรนด์อาหารของคนแทบตลอดเวลา แล้วผมเรียนที่อเมริกา ก็มีโอกาสได้เดินทางไปดูงาน พวกงาน Food Show บ่อย ก็เห็นเทรนด์อาหารว่า คนที่นี่เขานิยมทานอาหารมังสวิรัติกัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะมันมีการเติบโต คนตื่นตัวกันเยอะ และมีร้านเปิดขายอาหารแนวนี้เยอะมาก แล้วผมไปลองกินแพลนท์มีตของอเมริกาตัวหนึ่งแล้วมันอร่อย ติดใจอยากนำเข้ามาขายที่ไทย แต่มันก็ติดปัญหาเรื่องราคา ซึ่งราคามันสูงมาก ก็เลยคิดว่า ของดีๆ แบบนี้ ทำไมคนไทยไม่ค่อยได้กินกัน แล้วทำไมเราไม่มาทำเองล่ะ เลยฟอร์มทีมกับพวกรุ่นน้องที่รู้จักสมัยเรียนที่อเมริกา เกิดเป็นธุรกิจแพลนต์เบสแยกออกมาอีกธุรกิจหนึ่ง” คุณวิภู เล่า

คุณวิภู เล่าต่อว่า ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชของแบรนด์ Meat Avatar มีการพัฒนาอยู่ประมาณ 5 ปี จนเมื่อในเดือนกันยายน 2562 ได้ลองเทสต์ตลาดให้ผู้บริโภคได้ลองชิม ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จึงนำฟีดแบ็กกลับมาพัฒนาต่อ จนเกิดผลิตภัณฑ์ตัวแรกของแบรนด์ขึ้น นั่นก็คือ หมูกรอบจำแลง

“โจทย์เรามีอยู่ว่า จะทำยังไงให้คนที่กินเนื้อสัตว์ไม่ได้รู้สึกว่าการกินของของเราไม่ได้แตกต่างจากปกติที่เขากิน ซึ่งเราก็ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีรูป รส กลิ่น และเนื้อสัมผัสให้เหมือนเนื้อสัตว์มากที่สุด ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวแรกของเรา คือ หมูกรอบจำแลง ที่เป็นหมูกรอบก่อนเพราะเราเห็นว่าคนก็ชอบกินหมูกรอบกันไม่น้อยเลย และอยากสร้างความแตกต่างให้แบรนด์เป็นที่จดจำของตลาดด้วย หมูกรอบของเราดีกว่าหมูกรอบจากเนื้อสัตว์ และผมคิดว่านี่คือจุดแข็งของแบรนด์ด้วยก็คือ มันมีคุณค่าทางโภชนาการกว่าเนื้อสัตว์จริงๆ และแคลอรีต่อผลิตภัณฑ์ เพิ่งเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เองครับ ตอนแรกวางแผนจะแถลงข่าวให้ผู้บริโภคได้รับรู้ แต่ก็เจอโควิดเสียก่อน เลยต้องหันมาทำออนไลน์แทน ซึ่งก็ถือว่าได้รับผลตอบรับดีมาก ก็เลยออกผลิตภัณฑ์ตัวที่สองตามๆ มาเลยคือ หมูสับจำแลง ก็ได้ผลตอบรับที่ดีเหมือนกัน ตอนนี้ 6 เดือนกว่าๆ ก็นำเข้าโมเดิร์นเทรดได้ประมาณ 150 สาขา ก็ถือว่าเกือบครบทุกเจ้าแล้วครับ” เจ้าของแบรนด์เนื้อจากพืช เล่า

นอกจากนั้นเขายังเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ยังไม่ค่อยมีผู้ประกอบการมากนัก จึงถือเป็นเรื่องดีที่จะได้ทำการตลาดให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและพัฒนาสินค้าต่อไปเรื่อยๆ จนผลิตภัณฑ์ประเภทแพลนต์เบส เป็นที่นิยมมากกว่าเนื้อสัตว์

“หลักๆ แล้ว การทานแพลนต์เบส ให้ประโยชน์กว่าที่คิด  1. คือด้านสิ่งแวดล้อมที่เราจะได้ลดการทำปศุสัตว์ เพราะบางชนิดมีการฉีดสารฉีดฮอร์โมนเข้าไปในสัตว์ เมื่อเรานำเนื้อนั้นมาทาน เราก็จะทานสารพวกนั้นเข้าไปด้วย มันทำให้เกิดโรคมะเร็งตามมาได้ 2. คือด้านสุขภาพ เพราะแพลนต์เบสมีสารอาหารครบถ้วน ซึ่งเนื้อสัตว์มีไม่ครบเท่าแน่นอน และก็ด้านจริยธรรม” คุณวิภู เผย

เจ้าของธุรกิจหนุ่ม ยังเผยอีกว่า ช่วงเจปีนี้ มียอดการสั่งเข้ามามากมายจนเรียกว่าผลิตส่งขายให้ไม่ทันเลยทีเดียว

“ผลิตภัณฑ์ของเรา ขายราคาไม่แพงครับ หมูกรอบ 200 กรัม ขายราคา 120 บาท ส่วนหมูสับ 240 กรัม ก็ 120 บาท ซึ่งเราพยายามทำราคาให้เท่ากับราคาของเนื้อสัตว์ให้มากที่สุด เพราะอยากให้คนไทยได้ทานของดีกันจริงๆ ช่วงแรกๆ แน่นอนว่ากำไรเราได้น้อยแน่นอน แต่ก็ยอม เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าให้ได้เยอะที่สุด และเมื่อเราขายได้เยอะและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง กำไรมันก็จะมากขึ้นตามมา เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานิดหน่อยเท่านั้น” เจ้าของแบรนด์ เผย

นอกจากส่งขายตามโมเดิร์นเทรดแล้ว ผลิตภัณฑ์ของ Meat Avatar ยังได้ร้านอาหารเข้ามาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ด้วยกันกว่า 100 ร้านแล้ว อาทิ เครือการบินไทย ร้านกับข้าวกับปลา ร้านอาหารรสนิยม เป็นต้น หากใครสนใจอยากลองผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชของแบรนด์ Meat Avatar สามารถสั่งซื้อได้ที่ เฟซบุ๊ก Meat Avatar

ร้านอาหารที่สนใจอยากเป็นพาร์ตเนอร์ ติดต่อ บริษัทฟู้ด โปรเจ็กต์ 02-770-8888