น้ำมันโลกดิ่ง! รัฐขอเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม ทำราคาน้ำมัน พุ่งขึ้นต่อลิตรทันที!

รัฐขอเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม มีผลทำราคาน้ำมันขึ้น 50 สตางค์ ต่อลิตรทันที!

16 พ.ย. รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่องการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

โดยพบว่าจากการที่ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2561 ที่ระดับราคา 84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จนถึงปัจจุบัน 66 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยลดลงอย่างมากตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ประมาณ 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้กำกับทั้งอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ และค่าการตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E10 ลดลง 2.80 บาทต่อลิตร โดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 28.85 บาทต่อลิตร และราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 0.60 บาทต่อลิตร โดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 29.29 บาทต่อลิตร

และในขณะเดียวกันได้บริหารจัดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซึ่งได้มีการใช้ไปแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และก๊าซ LPG ถังละ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ไป 11,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี จากเดิมที่มี 34,500 ล้านบาท คงเหลือปัจจุบัน 23,500 ล้านบาท

ดังนั้น กบง. จึงได้มีมติวางเป้าหมายการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้น เพื่อเสริมสภาพเงินกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยที่ใช้ไปให้เข้มแข็ง เพื่อรองรับความผันผวนของตลาดน้ำมันที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต

โดย กบง. มีมติให้ปรับเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ อีก 0.50 บาทต่อลิตร

โดยจะทำให้อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เฉลี่ยของกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 1.93  บาทต่อลิตร และดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 0.70 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับประมาณ 100 ล้านบาทต่อวัน

ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ในการสะสมเงินให้ครบ 11,000 ล้านบาท มีผลทันที