‘ลุงแก้ว’ นักวิ่งมาราธอนวัย 68 ปี ผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดเรื่อง อายุ และเต็มเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ

การออกกำลังกาย คือ ยาชั้นดี วลีนี้คงเป็นสิ่งคุ้นหูใครหลายคน วันนี้ข่าวสดออนไลน์ อยากจะนำเสนอเรื่องราวของคุณลุงแก้ว หรือนายวัชรศักดิ์ เดชาเสถียร อายุ 68 ปี นักวิ่งมาราธอนรุ่นเก๋า แม้อายุเกือบ 70 ปี ก็ยังลงสนามแข่งวิ่งอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคน หันมาใส่ใจสุขภาพ และแสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายไม่เกี่ยวกับอายุ ไม่ว่าวัยไหนก็ทำได้

คุณลุงแก้ว เปิดเผยว่า เริ่มวิ่งเมื่ออายุ 53 ปี หรือ พ.ศ.2546 ช่วงแรกเป็นการวิ่งออกกำลังกายปกติ ต่อมาทางชมรมวิ่งของอำเภอได้ชักชวนไปร่วมวิ่งด้วย จึงลองลงดู สนามแรกลงที่ อ.หนองสองห้อง ตอนนั้นก็คิดว่าประสบผลสำเร็จ จึงเริ่มวิ่งอย่างจริงจัง จากมินิมาราธอน (10.5 กิโลเมตร) ฮาล์ฟมาราธอน (21 กิโลเมตร) และมาราธอน (42 กิโลเมตร) โดยเพิ่มระดับมาเรื่อยๆ จนมาถึงการวิ่งเทรล (คือการวิ่งแบบผจญภัยบนพื้นที่ธรรมชาติ เช่น ป่า, ภูเขา, ทุ่งหญ้า ตามภูมิประเทศของสถานที่จัดงาน ที่แตกต่างกันออกไป)

ตอนที่เริ่มวิ่งมาราธอนนั้น ตนอายุ 56 ปี จากนั้นก็ยังหาสนาม และโปรแกรมลงวิ่งอยู่เสมอ ทุกๆ วันก็จะหาเวลาออกไปวิ่ง เช่น ช่วงเช้า หรือช่วงเย็น โดยไม่ได้ออกกำลังกายชนิดอื่นเลย เพราะไม่รู้ว่าจะไปออกอะไรแบบไหน เห็นเพื่อนๆ ชวนไปปั่นจักรยาน ก็มองว่าต้องเสียเงินลงทุนซื้ออุปกรณ์หลายอย่าง บางทีเวลาไปแข่งต่างจังหวัดก็ต้องมีรถยนต์ขนจักรยานไป มันยุ่งยาก สู้การวิ่งไม่ได้ ก็มีแค่รองเท้า กับชุดก็วิ่งได้แล้ว
คุณลุงแก้ว เล่าว่า แรงบันดาลใจในการวิ่งคือ ตนรู้สึกว่าการวิ่ง 4-5 กิโลเมตร มันไม่ค่อยได้เหงื่อหรือสร้างกำลังมากนัก คิดว่าไม่สนุกเท่าการวิ่งระยะไกลเป็นสิบๆ กิโลเมตร นอกจากนี้ยังเห็นคนพิการก็ยังเล่นกีฬาได้ ส่วนเราครบ 32 ทำไมจะวิ่งไม่ได้ และยังเห็นรุ่นพี่ ที่อายุ 70 ปี ยังวิ่งมาราธอน ก็คิดว่าเขายังทำได้ เราก็ทำได้เหมือนกัน


ตอนนี้ได้ชักชวนภรรยามาวิ่งด้วย แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น คือ ระยะวิ่ง 5-10 กิโลเมตร ยังไม่ปล่อยให้ไปสนามโลดโผนเท่าไหร่ ตอนนี้เริ่มติดใจการวิ่งแล้ว อีกเหตุผลที่ภรรยาหันมาวิ่งก็เป็นเพราะ โรคเบาหวานที่เป็นอยู่ อาการดีขึ้น ทั้งยังผันตัวเองเป็นผู้จัดการส่วนตัวของตนอีกด้วย โดยคอยดูแลเรื่องลงสมัครลงโปรแกรมวิ่งสนามต่างๆ ให้ หากภรรยาสมัครให้วิ่ง 25 กิโลเมตร ก็วิ่ง 25 กิโลเมตร หากสมัคร 42 กิโลเมตร ก็วิ่ง 42 กิโลเมตร

“ส่วนตนตลอดสิบกว่าปีที่วิ่งมา ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเลย ไม่มีเจ็บไม่มีปวด ไม่เสียเงินให้หมอมาสิบกว่าปีแล้ว คิดง่ายๆ ว่า หากอยากใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน โดยพึ่งพาตัวเองได้ ก็ควรจะออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดี”

การลงแข่งวิ่งเทรลของตน ยังไม่ยาก หรือหฤโหดเท่าไรนัก เพราะยังไม่ได้ไปลองหลายๆ สนาม ยังเริ่มวิ่งที่ 10-13 กิโลเมตร แต่กำลังจะเริ่มลงที่ 21 กิโลเมตร เพราะน่าจะตื่นเต้นกว่ามาก และแต่ละสนามก็โหดไม่เหมือนกัน ทั้งเรื่องความอันตราย และความยาก

คุณลุงแก้ว เล่าว่า ครอบครัวสนับสนุนเต็มที่ ไม่กังวลเรื่องอุบัติเหตุ หรือสุขภาพ ลูกๆ ก็ทราบอยู่แล้วว่า เราทำได้ วิ่งได้ อาจจะมีห่วงภรรยาบ้าง เพราะพึ่งเริ่มวิ่งได้ไม่นาน

ตนอยากจะชวนคนมาออกกำลังกาย บางครั้งเห็นคนอ้วนลงพุง ก็ถามว่าทำไมไม่ออกกำลังกายบ้าง เพราะถ้าเจ็บป่วยก็จะลำบาก แต่บางคนก็จะตอบกลับมาว่า ถ้าถึงเวลาตายก็คือ ตาย แค่นั้น ตนก็บอกว่าอย่าคิดแบบนั้น เราต้องรักษาสุขภาพของเราให้ดีที่สุดจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงินหาหมอ หรือกินยา จะไปไหนมาไหน ก็ไม่ทำให้ลูกหลานเป็นห่วง หากไม่มีเวลา ก็ลองจัดสรรวันละ ครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมงก็ได้

“ตอนนี้ตนอายุมากขึ้น ก็ยังวิ่งปกติ แต่อาจจะมีการใส่สนับเข่า หรืออุปกรณ์เสริมบ้าง แต่จะวิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหว เพราะหากอยู่บ้านก็อยู่เฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร มีลมหายใจก็วิ่งต่อไป” คุณลุงแก้วกล่าว

เฟซบุ๊ก : ลุงแก้ว รักในหลวง