คลังแจงยิบ มาตรการช่วยคนจน 3โครงการผ่าน ธ.ก.ส.ทั้งยกหนี้-ลดหนี้

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงรายละเอียดที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 อนุมัติในหลักการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย โดย ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม-15 สิงหาคม 2559 ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองเบื้องต้นจากหน่วยงานราชการแล้วโดยผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับเงินโอน 3,000 บาท/คน และผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท/ปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี จะได้รับเงินโอน 1,500 บาท/คน

นายกฤษฎากล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ผ่านระบบ ธ.ก.ส. ประกอบด้วย 3 โครงการ คือ 1.โครงการปลดเปลื้องหนี้สินให้เกษตรกรรายย่อยที่มีเหตุผิดปกติ อาทิ เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง มีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีหนี้ค้างชำระหรือเป็นหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จะดำเนินโครงการใน 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 ไม่มีหลักประกันจำนองและไม่มีทายาทรับช่วงการผลิต ธ.ก.ส. จะสอบทานสถานะของเกษตรกรและพิจารณาจำหน่ายหนี้เงินกู้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ หรือ ธ.ก.ส.ยกหนี้ให้ และกรณีที่  2 มีหลักประกันจำนองและมีทายาทรับช่วงการผลิต ธ.ก.ส. จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้จากต้นเงินร้อยละ 50 ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยพักชำระต้นเงินเป็นระยะเวลา 2 ปี คิดดอกเบี้ยที่เอ็มอาร์อาร์ และต้นเงินที่เหลือพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระก่อนเข้าโครงการให้พักไว้ เมื่อทายาทชำระหนี้ต้นเงินตามแผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ธ.ก.ส.จะลดดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งจำนวน ส่วนต้นเงินที่พักไว้อีก 50% จะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามศักยภาพในภายหลัง

นายกฤษฎากล่าวว่า 2.โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระหนี้สินให้เกษตรกร ที่มีหนี้เป็นภาระหนัก มีหนี้ค้างชำระหรือเป็นหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จะดำเนินโครงการใน 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 เป็นเกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และเป็นลูกค้า ธ.ก.ส.มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีทายาทเข้าเป็นลูกค้าแทน ธ.ก.ส. จะรับทายาทเข้าเป็นลูกค้าแทนเกษตรกรรายเดิม และจะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ทายาทตามศักยภาพ จากต้นเงิน 50% ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยพักชำระต้นเงินเป็นระยะเวลา 2 ปี คิดดอกเบี้ยที่เอ็มอาร์อาร์ ส่วนต้นเงินที่เหลือพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระก่อนเข้าโครงการให้พักไว้ เมื่อทายาทชำระหนี้ต้นเงินตามแผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ธ.ก.ส. จะลดดอกเบี้ยที่พักไว้จำนวน 80% ส่วนต้นเงินที่พักไว้อีก 50% จะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามศักยภาพในภายหลัง กรณีที่ 2 เป็นเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ธ.ก.ส.จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้จากต้นเงินร้อยละ 50 ภายในระยะเวลา 5 ปี และพักชำระต้นเงินเป็นระยะเวลา 2 ปี คิดดอกเบี้ยที่เอ็มอาร์อาร์ ส่วนต้นเงินที่เหลือพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระก่อนเข้าโครงการให้พักไว้ เมื่อชำระหนี้ต้นเงินตามแผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธ.ก.ส.จะลดดอกเบี้ยที่พักไว้จำนวน 50% ส่วนต้นเงินที่พักไว้อีก 50% จะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามศักยภาพในภายหลัง

นายกฤษฎากล่าวว่า 3.โครงการชำระดีมีคืนแก่เกษตรกรที่ไม่มีปัญหาการชำระหนี้ สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีปัญหาการชำระหนี้ ธ.ก.ส.จะคืนดอกเบี้ยในส่วนที่ลูกค้าส่งชำระระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559-31 ตุลาคม 2560 ในอัตรา 30% ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระ โดยตัดเงินต้นหรือคืนให้ลูกค้าเป็นเงินสดแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนกรณีฉุกเฉินจำเป็น รายละไม่เกิน 100,000 บาท

“มาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อยมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลช่วยเหลือแก่เกษตรกร ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกร และส่งเสริมความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยมีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 2.85 ล้านคน การช่วยลดภาระหนี้สินให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายประมาณประมาณ 2.9 ล้านราย ส่วนเกษตรกรที่มีประวัติการชำระดี ธ.ก.ส. ยังมีโครงการที่จะคืนกำไรให้กับเกษตรกรอีกด้วย” นายกฤษฎากล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์