‘พาณิชย์’หนักใจบาทแข็งกระทบส่งออก เร่งต่อยอดพัฒนาศักยภาพผู้ค้าออนไลน์

‘พาณิชย์’ยอมรับหนักใจเอกชนอ่วมเผชิญวิกฤติค่าเงินบาทแข็งกระทบตัวเลขส่งออก เตรียมข้อมูลแผนขยายตลาดส่งออกทุกด้านปี 61 เสนอต่อรองนายกเห็นชอบในการประชุมร่วมและมอบนโยบายกับทูตพาณิชย์ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ย้ำจะพยายามดันเต็มทีเพื่อให้การส่งออกปีนี้โตตามเป้า พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการ Smart Online SMEs Plus (S.O.S+) ต่อยอดพัฒนา SMEs ดันสินค้าไทยขายออนไลน์กับ e-Marketplace ทั่วโลก

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างจัดทำแผนและข้อมูลทุกด้านในการเร่งขยายการส่งออกในปี 2561 ทุกด้านเพื่อนำเสนอพร้อมรับมอบนโยบายในการประชุมร่วมของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กับทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ 58 แห่งทั่วโลกในวันที่ 19 ก.พ. ที่จะถึงนี้ และเป็นช่วงที่ประเทศไทยจัดงานบางกอกเจมส์แอนด์จิวรี่แฟร์ครั้งที่ 61 ระหว่างวันที่ 21-25 ก.พ. ที่จะถึงนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม กรมได้เตรียมข้อมูลและแผนงานต่างๆที่จะเร่งขยายการส่งออกในทุกตลาดเพื่อนำเสนอให้   รองนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบ ซึ่งแผนงานต่างๆ จะเป็นแผนต่อเนื่องที่จะเร่งเจาะตลาดทุกกลุ่มสินค้าของไทยเพื่อให้ตัวเลขการส่งออกในปีนี้ยังเติบโตได้ แต่ยอมรับว่าจากการที่ได้หารือกับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกของไทย ส่วนใหญ่ยังคงกังวลและหนักใจต่อปัญหาความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าเร็ว

แม้ว่าในเรื่องนี้จะอยู่เหนือการควบคุมของกรมฯ แต่กรมจะเร่งหาแนวทางเสริมให้กับผู้ส่งออกในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแนวทางการเจาะตลาด ปรับแนวทางการบริหารและจัดการใหม่ ร่วมกันหาวัตถุดิบราคาถูกเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มทักษะความรู้และการปรับตัวเพื่อให้ภาคส่งออกของไทยลดผลกระทบจากปัญหาอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น แม้ว่าปีนี้จะมีการกำหนดเป้าหมายคาดการณ์ตัวเลขส่งออกจะให้เติบโตมากกว่า 5% ขึ้นไป ทางกรมจะพยายามทำทุกด้านอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังได้เปิดตัวโครงการ “ต่อยอดการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการการค้าออนไลน์: Smart Online SMEs Plus (S.O.S+)” โดยโครงการดังกล่าวเป็นการสานต่อความสำเร็จของโครงการในปีที่ผ่านมา ซึ่งการันตีด้วยรางวัลชนะเลิศ WSIS Prize 2016 (World Summit on Information Society) สาขา Capacity Building จาก International Telecommunication (ITU) และเพื่อต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว
ในปีนี้ กรมฯ มีแนวทางการดำเนินโครงการโดยให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางการค้า เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไปต่างประเทศได้จริง ผ่านกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ร่วมกับแพลตฟอร์ม e-Marketplace ระดับสากลที่เป็นพันธมิตรกับกรมฯ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 1,200 ราย

ทั้งนี้ กิจกรรมภายใต้โครงการนี้จะดำเนินการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งในกรุงเทพฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 22 มี.ค. 2561 ณ สถาบันผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก สำหรับในส่วนภูมิภาค จะเริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 27 มี.ค. 2561 โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ ตามด้วยจังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 29 มี.ค. 2561 โรงแรมอวานี
โดยกิจกรรมไฮไลท์ภายในงาน คือ กิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business matching) ระหว่างผู้ประกอบการไทย และ ผู้แทนการค้าจาก e-Marketplace ที่มีชื่อเสียงที่กรมฯ ได้คัดสรรและเชิญให้เข้าร่วมงาน เช่น Tmall.com (จีน), eBay (อเมริกาและยุโรป) Gosoko.com (แอฟริกา),11Street (มาเลเซีย), Amazon.com (อเมริกา), Flipkart/Paytm (อินเดีย) Souq.com (ตะวันออกกลาง), Q0010.sg (สิงคโปร์) blibli.com (อินโดนีเซีย) ฯลฯ เพื่อสร้างมูลค่าการขายได้เลยภายในงาน

โดยกลุ่มสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่นและเครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน และสินค้า OTOP พรีเมี่ยม ซึ่งขณะนี้ ตัวเลขสมาชิกที่อยู่ใน ไทยเทรดดอดคอมมีกว่า 23,000 ราย และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเวลานี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างเจรจาขยายการค้าออนไลน์กับทางอาลีบาบาของจีน หากสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้จะทำให้มูลค่าการค้าออนไลน์ที่กรมฯดูแลอยู่ในปีนี้น่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มมากกว่า 5,000 ล้านบาทได้

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์