มูลนิธิสืบฯ -จี้ตรวจสอบบ้าน ‘บิ๊กอีตัลไทย’ คาดมีของสะสมจากการล่าสัตว์-ชี้เป็นมืออาชีพ

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 ก.พ. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย เดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก-หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง-หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช โปรแกรม 2 วัน 1 คืน ใช้เส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยวชื่อ ทินวย-ทิคอง-มหาราช ระยะทาง 30 กิโลเมตร


ต่อมาวันที่ 4 ก.พ. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช ว่า คณะของนายเปรมชัย ลักลอบตั้งแคมป์ในบริเวณห้วยปะชิ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ท้องที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาน้ำโจน จากนั้นวันที่ 5 ก.พ. เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เพิ่ม พบซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อ และหนังแล้ว พร้อมกับซากไก่ฟ้าหลังเทา กับเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมาก ที่ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณที่แคมป์พัก ซึ่งต่อมาตำรวจได้ตั้งข้อหา 6 ข้อหา กับนายเปรมชัย และคณะ

วันที่ 6 ก.พ. ผู้สื่อข่าวติดต่อไปที่ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ถึงกรณีที่เกิดขึ้น

นายศศิน กล่าวว่า การดำเนินเรื่องที่ล่าช้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ส่อเค้าแววความไม่โปร่งใสของการดำเนินคดี เข้าใจว่ามีความพยายามจะทำให้เรื่องจบ จากเรื่องที่เกิดขึ้นตนรู้สึกชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ที่เข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต เพราะทำงานโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลทั้งจากทางนายเปรมชัย ซึ่งถือเป็นผู้บริหารใหญ่ของบริษัทอิตาเลียนไทย เรื่องนี้มันพัวพันเยอะ เพราะนายเปรมชัย อ้างตัวเป็นแขกของระดับผู้อำนวยการสำนักกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งตนคิดว่าผู้อำนวยการฯ คงจะไม่รับรู้เรื่องอะไร เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เข้าได้อยู่แล้ว คือเสียค่าธรรมเนียมเข้าไปตามปกติ ส่วนในเรื่องของการตรวจอุปกรณ์ที่นำเข้าไป ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องยาก เพราะนายเปรมชัยเป็นแขกของผู้ใหญ่ เพราะทราบมาว่า มีคนฝากนายเปรมชัยเข้าไปด้วย จึงไม่มีใครกล้าตรวจ ซึ่งถือเป็นกรณีที่ผิดปกติมากๆ

นายศศิน กล่าวว่า ตนคาดว่านายเปรมชัย เข้าไปในวันที่ 3 ก.พ. เพราะถูกจับกุมในวันที่ 4 ก.พ. ส่วนในประเด็นของสัตว์ป่าที่ถูกล่ามา คือ ซากเสือดำ และหนังเสือดำชำแหละแล้ว พร้อมกับซากไก่ฟ้าหลังเทา เบื้องต้นยังไม่ทราบว่า นายเปรมชัยจะนำสัตว์ที่ล่ามาไปทำอะไร แต่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เสือทุกชนิด กินแล้วจะบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ส่วนไก่ฟ้าหลังเทา ก็เป็นอาหารปกติของคนเข้าป่า ที่นำมากินเพื่อความสนุกสนานของคนล่าสัตว์


“ส่วนหนังของเสือดำ แน่นอนว่าต้องนำไปเป็นของสะสม เมื่อดูจากฝีมือของนายเปรมชัย หากไปตรวจสอบที่บ้าน ก็อาจจะพบของสะสมที่ไปล่ามาเพิ่มอีกก็ได้ ซึ่งก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วนนี้ด้วย การพกปืนไรเฟิลเข้าไป ถือว่ามีเจตนาชัดเจนว่า ไปล่าสัตว์ จากการตรวจสอบซากสัตว์ป่า พบว่านายเปรมชัย ถือว่ามีฝีมือการล่าสัตว์ จึงอยากฝากเช็กประวัติการล่าสัตว์ของนายเปรมชัยด้วย เพราะการถลกหนังเสือดำได้ขนาดนี้ ถือว่ามีความชำนาญ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่า คณะที่ไปด้วยอีก 4 คนใครเป็นผู้ลงมือถลกหนัง ส่วนในเรื่องของการใช้อาวุธปืน ระบุได้เลยว่านายเปรมชัย เป็นมืออาชีพ ”

ต่อมาเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ออกแถลงการณ์ดังนี้

แถลงการณ์กรณีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561

1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 และได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเสมอมา สาธารณชนรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะได้รับการปกป้องและอนุรักษ์ให้ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าให้คงไว้ ดังนั้นการที่ผู้ต้องหาเข้าไปในพื้นที่โดยอ้างว่าไม่ทราบ จึงเป็นไปไม่ได้

2. 30 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวไทย เจ้าหน้าที่ และองค์กรต่างๆ ให้ความร่วมมือช่วยกันอนุรักษ์เรื่อยมาจนสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น แต่การที่คนที่มีสถานภาพทางสังคมเข้าไปล่าสัตว์ป่าในพื้นที่อนุรักษ์ จึงแสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพต่อกฎหมายและผลงานการอนุรักษ์ของสังคมไทย

3. จากการติดตามข่าว นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อ้างรู้จักต่อข้าราชการในระดับบริหาร ขอเข้าไปยังพื้นที่โดยให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวพักผ่อน แต่กลับเข้าไปล่าสัตว์ป่าซึ่งเจ้าหน้าที่พบสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้แก่ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงพบอาวุธปืน 3 กระบอก นับเป็นการกระทำที่ปราศจากความละอายใจและย่ามใจว่าเจ้าหน้าที่คงไม่กล้าดำเนินการตรวจสอบ

4. ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้

5. ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล อย่าได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของผู้ต้องหา ขอให้สืบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อไป

ศศิน เฉลิมลาภ
ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
6 กุมภาพันธ์ 2561

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์