แม้จะไม่ร่ำรวย! แต่ก็อยู่อย่างสบายได้ แม่ค้ากล้วยปิ้งภูมิใจสู้ชีวิตส่งลูกเรียนจบป.ตรี

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านห้วย ถนนอุดรดุษฎี เขตเทศบาลนครอุดรธานี มีแม่ค้าขายกล้วยปิ้งยึดอาชีพนี้มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี แล้ว แม้จะขายไม่ได้กำไรมากนัก แต่ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงจนสามารถส่งลูกเรียนจบ ปวส. และปริญญาตรีได้ทำงานดีๆแล้วถึง 2 คน ส่วนลูกอีกคนก็กำลังจะจบปริญญาตรีในเร็วๆนี้

นางเนรมิต ม่วงดี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/108 หมู่ 7 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยเรื่องราวตัวเองว่า เมื่อ 20 ปีมีอาชีพทำนาแล้วก็มาเป็นลูกจ้างล้างจานที่ร้านข้าวมันไก่ ก่อนหันมาทำอาชีพค้าขายด้วยการขายกล้วยปิ้ง อาชีพนี้ที่สำคัญมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากมายนัก ก็ไปซื้อสูตรเขามาในราคา 1,500 บาท ยึดอาชีพนี้มาตั้งแต่อายุ 26 ปี จนถึงปัจจุบันนี้ก็ร่วม 22 ปีแล้ว

“เพราะกล้วยปิ้ง ซื้อง่าย ขายคล่อง กำไรไม่มากแต่ขายได้ตลอด และครอบครัวตนใช้จ่ายอย่างประหยัดยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้สามารถส่งลูกจนเรียนจบไปแล้วถึง 2 คน คนโตจบระดับปวส. ปัจจุบันทำงานโรงแรม ลูกคนที่ 2 จบปริญญาตรี ปัจจุบันทำงานธนาคาร และลูกคนที่ 3 กำลังศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรี อยู่ปีที่ 3 สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตอุดรธานีใกล้จะจบแล้ว รู้สึกภูมิใจในอาชีพนี้ถึงแม้จะขายกล้วยปิ้ง ก็สามารถส่งลูกเรียนจบปริญญาตรีได้”

นางเนรมิต กล่าวต่อว่า ถ้าช่วงไหนมีคนมาซื้อกล้วยปิ้งกันมากโดยเฉพาะช่วงอากาศเย็น แทบจะปิ้งกล้วยขายไม่ทันลูกค้า มีบางวันขายดีมากจนกล้วยปิ้งไหม้ ทำให้เก็บเอาไปฝันแล้วละเมอพูดขึ้นมาว่า กล้วยไหม้ๆ ทำให้สามีที่นอนอยู่ด้วยต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาถามว่าเป็นอะไร พูดถึงเรื่องขึ้นมาทำให้ขำตนเอง ส่วนราคากล้วยปิ้งที่ขายนั้น 3 ลูกราคา 10 บาท กล้วยทับราดน้ำจิ้ม และกล้วยทรงเครื่อง กล่องละ 20 หรือถุงละ 20 บาท ส่วนลูกมันเผือกทิพย์ ขายลูกละ 1 บาท

“อาชีพนี้เป็นอาชีพสุจริต ถึงแม้จะไม่ร่ำรวย แต่เราก็อยู่อย่างสบายได้ คงจะยึดอาชีพขายกล้วยปิ้งไปจนกว่าที่จะหมดแรงขาย เคล็ดลับไม่มีอะไรมากไม่ขึ้นราคากล้วยปิ้ง ต้องใส่ใจและละเอียดกับการปิ้งกล้วย ซึ่งต้องเลือกกล้วยน้ำว้าที่นำมาขายนั้นต้องห่ามๆไม่สุกงอมเกินไป เพราะอยากให้คนทานได้ทานของดีๆ โดยนึกถึงใจเขา ใจเรา สมมติว่าเราเป็นคนซื้อเราก็อยากได้ของดี ของอร่อย คุณภาพของกล้วยปิ้งของเราจึงสำคัญมาก”