‘ซานต้าตู่’ ใจป้ำ! แจกงบ2พันล้าน ลงกาฬสินธุ์ “ลั่น” วันนี้ไม่มีการเมือง!

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมภูไทผ้าไหมแพรวา เฉลิมพระเกียรติ จ.กาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในการมอบโค-กระบือ และเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับตัวแทนชาวบ้าน พร้อมกล่าวตอนหนึ่ง ว่า เดินทางมากาฬสินธุ์ครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างยอดเยี่ยม ได้เห็นรอยยิ้มที่ยังยิ้มอยู่เช่นเดิม ตนมาครั้งนี้มาด้วยความห่วงใยทุกคน มาพบด้วยแรงคิดถึง มาวันนี้ได้เพราะคิดถึง เป็นวันหนึ่งที่สุขมากยากจะหา เข้าใจถึงความเหนื่อยยากลำบากมา ต้องเดินหน้าสู่สุขอย่างยั่งยืน เหล่านี้คือสิ่งที่จะทำให้กับทุกคน ทำทุกอย่างให้ยั่งยืนมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ช่วยไปๆ แล้วก็เลิก จะต้องสานต่อสิ่งที่ทำมาแล้วทั้งหมด ทุกอย่างที่ทำมามีส่วนดีทั้งสิ้น ตนให้ความสำคัญกับกาฬสินธุ์เป็นพิเศษ อยากทำทุกอย่างให้ดีขึ้นโดยเริ่มต้นจากพื้นที่ของชาวบ้านเอง วันนี้จึงนำคณะรัฐมนตรีและหน่วยราชการต่างๆ ที่รู้ปัญหามาช่วยและรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาและต่อยอดสิ่งที่ทำไปแล้วตามแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงรับสั่งว่าให้นำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์และสานต่อ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้มีชาวต่างประเทศมาเที่ยวประเทศไทยถึง 34 ล้านคน สูงที่สุดตามลำดับตั้งแต่ที่ตนเข้ามา ซึ่งคงเพราะเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีประท้วง ไม่มีข้อขัดแย้ง บ้านเมืองมีเสถียรภาพ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นักท่องเที่ยวถึงเข้ามา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูด พล.อ.ประยุทธ์ มีการไอเป็นระยะ รวมทั้งมีเสียงที่แหบแห้ง จึงบอกกับชาวบ้านที่มารับฟังนโยบายว่า “ช่วงนี้เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ต้องมาให้ได้ ก่อนเดินทางมา 3 วัน ฉีดยามา 3 เข็ม กลัวไม่ได้มาเจอกับพี่น้อง หลายคนอยากให้ผมมา ตัวเองก็อยากมา ก็เป็นแรงส่งให้มาให้ได้ ผมสู้ตายในการที่จะมาแก้ปัญหากับทุกคน เรามาคุยด้วยปัญหาและข้อเท็จจริง ว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง อะไรที่ยังทำไม่ได้ก็ต้องใช้เวลา เรามีแผนการใช้จ่ายงบประมาณไว้ทุกจังหวัด ทุกรัฐบาลต้องทำแบบรัฐบาลนี้คือการดูแลทุกคน ทุกภาคส่วน ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องทำแบบนี้ คือทำอย่างไรให้คนไทยทั้งประเทศมีความอยู่ดีกินดีด้วยความยั่งยืน โดยการส่งเสริมตั้งแต่ต้นทาง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การก้าวเข้าสู่สังคม 4.0 ไม่ใช่หมายความเฉพาะว่าต้องก้าวทันเทคโนโลยีอย่างเดียว 4.0 ของตนคือการใช้ความคิดและสติปัญญาในการดำรงชีวิตเดินไปข้างหน้า เราต้องเดินไปพร้อมกันในทุกภาคส่วน ต้องมีการปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่อยู่ด้วยความไม่ไว้วางใจ เกิดการทุจริตนี่นั่น ตนสามารถตรวจสอบได้ทุกโครงการ ทั้งหมดอยู่ที่ความเข้มแข็งของทุกคน แล้วจะไม่มีใครทำอะไรท่านได้ วันนี้มาเยี่ยมเยียนถึงถิ่นเมืองภูไทมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมยาวนาน 222 ปี อพยพมาจากสิบสองปันนา ตั้งแต่ปี 2336 ตั้งเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ รัตนโกสินทร์เริ่มตั้งแต่ปี 2325 มีการพัฒนามาตามลำดับ วันนี้เป็นโอกาสดีที่ได้มาสร้างความเข้าใจระหว่างกัน นโยบายแต่ละรัฐบาลวางไว้จำนวนมาก ถ้าทุกคนฟังมาตลอด 3 ปีกว่าในทุกวันศุกร์ 150 กว่าครั้งจะเข้าใจ แต่หลายคนไม่ได้ฟังเพราะติดละคร แต่คนที่ฟังก็สามารถมาถ่ายทอดต่อได้ ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ในอนาคตกาฬสินธุ์เมืองน้ำดำจะต้องมีอัตลักษณ์ของตัวเอง เราต้องการรายได้เพิ่มแต่ยังทำแบบเดิมก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้

“จังหวัดกาฬสินธุ์ถือเป็นจังหวัดนำร่องในการพัฒนาที่จะนำไปสู่จังหวัดที่หลุดพ้นจากความยากจน มีโครงการที่จะมาในระยะที่สอง แม้จะมีข้อจำกัดทั้งทรัพยากรน้ำ ดิน รายได้จากภาคการเกษตร มีปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ขาดโอกาสด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ท้ายที่สุดมีคนกล่าวหาว่าทั้งหมดเป็นการเมืองทั้งสิ้น รัฐบาลไม่ดูแลคนยากจน แล้วถ้าใช้การดูแลแบบเลี้ยงไข้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ เราต้องมีการอัดฉีดและฉีดยาตลอด เราต้องช่วยกันรักษาถึงจะไปด้วยกันได้ รัฐบาลนี้ทำงานแบบข้ามกระทรวง ไม่มีพรรค ถ้าทำไม่ดีก็พักผ่อน กลับบ้าน ถึงอยู่ด้วยกันได้ อย่ามามองว่าผมต้องการคะแนนการเมือง ยืนยันว่าไม่มี วันนี้ยังไม่มีการเมือง มีแต่การบ้านและการแก้ไขปัญหา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเร่งพัฒนาพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งวันเดียวกันนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มาเองก็ขออนุมัติงบประมาณตามโครงการต่างๆ ที่ขอ เมื่อมาแล้วก็ให้เลยของจริง ไม่ใช่พูดเพียงปากเปล่า แต่เมื่อให้แล้วก็ต้องทำให้เสร็จด้วย ตั้งแต่เรื่องของอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จำนวนเงินงบประมาณ 305 ล้านบาท การอนุมัติงบก่อสร้างเส้นทางคมนาคม 4 ช่องการจราจร จำนวน 3 โครงการ จำนวนงบประมาณ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอนุมัติงบประมาณการจัดซื้อเครื่องสาวไหมจำนวน 5 เครื่อง เครื่องละ 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอนุมัติงบประมาณในการปรับปรุงต่อเติมศูนย์การเรียนรู้ รวมทั้ง การสานต่อการก่อสร้างเส้นทางสายไหมในประเทศไทยเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อให้เกิดลู่ทางการลงทุน ส่วนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น รัฐบาลต้องการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยเพื่อการใช้ซื้อสินค้าในการอุปโภคบริโภค ซึ่งหากใครพบว่าสินค้าที่ซื้อมามีราคาแพงเกินจริง ให้แจ้งกระทรวงพาณิชย์ได้ทันที