โรงตึ๊งกทม. นำร่อง 4 สาขา ขยายเวลาเปิดทำการถึง 6 โมงเย็น

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พล.ต.ต.อัครชัย พงษ์ศิริ ประธานกรรมการบริหารกิจการสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือ โรงรับจำนำกทม. แจ้งว่า ตามประกาศคณะกรรมการบริหารกิจการสถานธนานุบาลกทม. ได้ขยายระยะเวลาการปฎิบัติงานของสถานธนานุบาลกทม. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าและประชาชนที่ใช้บริการดำเนินธุรกรรมต่างๆ ภายหลังเวลา 16.00 น. อาศัยอำนาจตามความในข้อ 11 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ของกทม. เรื่อง สถานธนานุบาลกทม. พ.ศ. 2534 ประกอบมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการกทม. ครั้งที่ 14/2560 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน มีมติให้สถานธนานุบาลกทม. จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.สถานธนานุบาลมีนบุรี 2.สถานธนานุบาลเทเวศร์ 3.สถานธนานุบาลประดิพัทธ์ และ 4.สถานธนานุบาลวงเวียนเล็ก ขยายระยะเวลาการปฎิบัติงานเพิ่มเติม ตั้งแต่เวลา 16.00-18.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึง 30 กันยายน 2561 ขณะเดียวกัน ยังคงอัตราดอกเบี้ยรับจำนำเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 บาทต่อเดือน และขยายวงเงินรับจำนำต่อตั๋วรับจำนำ 1 ฉบับ ไม่เกินฉบับละ 100,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขยายเวลาปฎิบัติโรงรับจำนำกทม.เป็นไปเพื่อเพิ่มผู้ใช้บริการและตอบสนองกลุ่มประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน ส่วนใหญ่เลิกงานในช่วงเย็น ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาใช้บริการได้ ระยะเวลาที่ผ่านมาเกิดปัญหาทรัพย์หลุดจำนำ ดังนั้น โรงรับจำนำกทม.จึงมีแผนขยายเวลาปฎิบัตินำร่อง 4 แห่ง ทั้งโรงรับจำนำกทม. ขนาดใหญ่ กลางและเล็ก ตั้งแต่ระยะเวลา 08.00-18.00 น. ซึ่งเป็นไปตามระเบียบราชการกำหนดให้ขยายระยะเวลาได้ หากได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน โรงรับจำนำมีแผนจะขยายเวลาปฎิบัติงานทั้ง 21 สาขา และเตรียมขยายเวลาเปิดทำการในวันเสาร์และวันอาทิตย์

แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกทม. เปิดเผยว่า สำหรับจำนวนผู้มาใช้บริการตามโรงรับจำนำของกทม.ตัวเลขค่อนข้างถดถอยแตกต่างจากยุคก่อน อนึ่งภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ประชาชนไม่มีเงินมากพอในการซื้อขายทรัพย์สินที่มีมูลค่า ดังนั้น ทุกสถานประกอบการ ภาคธุรกิจและภาคเอกชน จำเป็นต้องประคับประคองให้ตนเองให้สามารถผ่านวิกฤตไปได้ ประกอบกับเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทยที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง ก็เป็นอีกสาเหตุทำให้ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่