แห่ชื่นชม! สาวราชภัฏสู้ชีวิต ขายหมูเลี้ยงพ่อแม่ ส่งน้องเรียนมหา’ลัย

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุรีย์พร พึ่งพวก หรือผึ้ง อายุ 31 ปี หมู่ 3 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา อาชีพแม่ค้าขายหมูอยู่ในตลาดสดสบบง ต.สบบง เรียนจบระดับปริญญาตรี บริหารธุรกิจ (การบัญชี) จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) โดย น.ส.สุรีย์พรได้ขายเนื้อหมูชำแหละมาตั้งแต่ปี 2550 เพื่อหาเลี้ยงพ่อแม่และส่งน้องสาวที่กำลังเรียนระดับอุดมศึกษา สาขาการจัดการธุรกิจ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยพะเยา

น.ส.สุรีย์พร กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพขายเนื้อหมูชำแหละ มีเขียงหมูในตลาดสดสบบงมาตั้งแต่ปลายปี 2550 แม้ว่าจะเรียนจบปริญญามาแล้ว เคยทำงานเป็นอาสาสมัครค่าตอบแทนเดือนละ 9,000 บาท แต่ในบ้านมีพ่อแม่ที่อายุมากแล้ว และน้องสาววัยกำลังเรียน ต้องใช้เงินจำนวนมากมารองรับภาระรายจ่ายในครอบครัว ตนเป็นลูกสาวคนโตที่จะต้องเป็นกำลังหลักของครอบครัวจึงตัดสินใจมาค้าขายแม้ร่างกายจะมีโรคประจำตัวก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ปรึกษากับคนในครอบครัวขายเนื้อหมู ครั้งแรกไม่มีทุนยืมหมูของน้ามา 1 ตัว น้ำหนัก 60 กก. เปิดขายวันแรกได้กำไร 300 บาท ดีใจมาก ด้วยเป็นคนที่เรียนบัญชีจึงทำทุกอย่างด้วยยึดหลักระบบบัญชี ทำให้ช่วยทำงานเป็นระบบได้อย่างดี

แม่ค้าหมูหน้าหวาน กล่าวต่อว่า นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว ที่ขายเนื้อหมู โดยมีวิธีขายส่งและปลีก เวลาขายแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าตื่นและมาตลาดสดประมาณ 01.30-02.00 น. พ่อจะมาช่วยตอนลูกค้าแน่นช่วงขายส่ง ช่วงบ่ายเปิดเขียงเวลา 14.00-18.00 น. หรือหากเนื้อหมูหมดอาจจะเปิดเขียงไม่ถึง 18.00 น. ก็ได้กลับบ้าน ก่อนนอนจะต้องทำบัญชีรายวัน ทั้งรายรับ-จ่าย เช็กสต๊อกหมูในเล้า ปัจจุบันหมูแต่ละล็อตจะลงประมาณ 10-20 ตัว จึงต้องทำบัญชีคุมด้วยตนเองทุกวัน ประมาณ 21.00-22.00 น. ถึงเข้านอน

“เพราะเราคือหลักของครอบครัว ถามว่าหนักไหมสำหรับลูกผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรา ถ้าคิดมากก็คงสู้ความลำบากตื่นเช้าหลับดึกไม่ไหว แต่เพราะพ่อแม่คือคนสำคัญในชีวิตที่ให้ชีวิตกับเรามา น้องสาวก็ต้องมีอนาคต สิ่งที่ได้ทำเพื่อทุกคนในครอบครัว และทำให้มีการจ้างงานเพื่อนบ้านมาช่วยตอนเปิดเขียง ถือว่าได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย ทั้งหมดทั้งมวลจึงเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ได้ให้โอกาสทางการศึกษาแก่น้องสาว หากตอนนี้เป็นสาวออฟฟิศ พ่อกับแม่และน้องก็คงต้องมารับภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่หนักหน่วงและลำบาก” น.ส.สุรีย์พร กล่าว