ปชช. 14 จังหวัดภาคใต้ วอนรัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ”ค่าครองชีพ”

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ 420 ตัวอย่าง เดือน ก.ย. พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ส.ค. ส่วนหนึ่งมาจากรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวและภาคบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น

“ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า รายจ่ายที่เกี่ยวข้องด้านอสังหาริมทรัพย์และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เนื่องมาจากแนวโน้มที่ดีของการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ โดยปัจจัยบวกจากการเปิดฤดูการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันในวันที่ 15 ต.ค. และจากแนวทางการสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย”

ผศ.ดร.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคด้านรายได้จากการทำงาน โอกาสในการหางานทำ/ได้งานใหม่ และรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องมาจากรายได้ภาคเกษตรที่ลดลง ราคาสินค้าเกษตรมีความผันผวน ผลผลิตมีจำนวนลดลง เนื่องจากมีฝนตกชุกทั่วทั้งภาคใต้ในช่วงนี้ ประชาชนจึงกังวลในค่าครองชีพและการจับจ่ายใช้สอย

“ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 29.20 และ 35.70 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 39.10 และ 40.20 ตามลำดับ โดยคาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ”

ผศ.ดร.วิวัฒน์ เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน คือ ค่าครองชีพ คิดเป็นร้อยละ 32.60 หนี้สินครัวเรือน ร้อยละ 27.90 และราคาสินค้า ร้อยละ 16.90 โดยปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ ค่าครองชีพ

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์