สตาร์บัคส์ ลุยตลาดเข้าลงทุนธุรกิจร้านกาแฟในจีน 100% ตั้งเป้าเพิ่ม 5,000 สาขาภายใน 4 ปี

ภาพ AFP

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 สื่อต่างประเทศรายงานว่า ร้านกาแฟชื่อดังสัญชาติสหรัฐฯสตาร์บัคส์เข้าซื้อกิจการและบริหารจัดการเครือข่ายธุรกิจร้านกาแฟสตาร์บัคส์ในจีน โดยบริษัทร่วมทุนในจีนยินยอมขายหุ้นที่เหลืออีกร้อยละ 50 ทำให้สตาร์บัคส์ได้สิทธิในการบริหารสาขาเพิ่มในเซี่ยงไฮ้ เจียงชู และเจ้อเจียง รวม 1,300 สาขา นอกจากที่ได้เป็นเจ้าของไปแล้วก่อนนี้ 1,500 สาขา โดยสหรัฐมองว่าจีนเป็นตลาดที่โตเร็วนอกเหนือจากตลาดในสหรัฐฯ โดยในจีนสตาร์บัคส์มียอดขายโตขึ้นถึง 7%

โดยการประกาศซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางตัวเลขธุรกิจสตาร์บัคส์ในสหรัฐ ที่รายงานรายได้สุทธิไตรมาสสอง ที่ผ่านมาลดลง 8.3% อยู่ที่ 691.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังมีแผนปิดร้านชา “Teavana” จำนวน 379 สาขา ภายในกลางปีหน้า หลังจากที่สตาร์บัคส์ซื้อแบรนด์ร้านชาดังกล่าวในปี 2012 ด้วยมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับมีผลประกอบการในระดับคงเดิม จึงเปลี่ยนแผนเป็นการนำผลิตภัณฑ์ในร้านชามาควบรวมในร้านหลักของสตาร์บัคส์เข้าด้วยกัน

ผลประกอบการสตาร์บัคส์ล่าสุดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของประธานบริหารคนใหม่ “เคลวิน จอห์นสัน” โดยจอห์นสันระบุว่า การซื้อหุ้นในจีนเป็นหนึ่งในแผนระยะยาว เพื่อรับมือกับตัวเลขการเติบโตที่ช้าลงในสหรัฐ

ผู้ประกอบการกาแฟยักษ์ใหญ่ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้คนลดการเดินตามห้างสรรพสินค้าและตามถนนที่เป็นจุดช้อปปิ้ง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปนิยมใช้บริการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านทางออนไลน์ ทั้งชุดอาหารพร้อมเครื่องดื่ม และซื้อตามร้านสะดวกซื้อมากกว่า

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มจาก 2,800 สาขาเป็น 5,000 สาขา ในปี 2021 ทั่วทั้ง 130 เมืองของจีน ขณะที่ในเซี่ยงไฮ้มีสาขาถึงเกือบ 600 สาขา กลายเป็นเมืองที่มีร้านสตาร์บัคส์มากที่สุดในโลก

นอกจากที่จีนแล้ว สตาร์บัคส์ยังมีแผนเข้าซื้อหุ้นที่เหลือ 50% ของสตาร์บัคส์ที่ร่วมทุนในไต้หวันทั้ง 410 สาขาเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้สตาร์บัคส์กลายเป็นเจ้าของแบบร่วมทุนทั้งหมด และมีแผนในอนาคตที่จะดำเนินการลักษณะเดียวกันในมาเก๊าและฮ่องกง

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์