โรงพยาบาลตำรวจ เปิดคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักฟรี

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ รพ.ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.นายแพทย์ วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ได้จัดทำ “โครงการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก “แก่ข้าราชการตำรวจ และประชาชนทั่วไป ที่เป็นผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เนื่องในวันเฉลิมพระชนพรรษา วันที่ 28 กรกฏาคม 2560 โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นายแพทย์ ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ หัวหน้างานกลุ่มศัลยกรรม รพ.ตร.เป็นแม่งาน โดยในวันศุกร์ที่ 28 ก.ค.นี้ (เวลา 8.00 น.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมกุล รอง ผบ.ตร.(มค.) จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ ที่ห้องผ่าตัดศัลยกรรม อาคารมงคลกาญจนาภิเษก ชั้น 3 รพ.ตร.

พ.ต.อ.นายแพทย์ ไพบูลย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนไทย มีวิถีการดำเนินชีวิตมีความแตกต่างจากในอดีตส่งผลทำให้คนไทยมีอุบัติการของการ เกิดโรค ที่ไม่ติดต่อ(Non-communicable disease) เช่นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันสูง และโรคมะเร็ง เป็นต้น จากการสำรวจในปี 2555 พบว่า สาเหตุการเสียชีวิต 4 อันดับแรกของคนไทยได้แก่ โรคมะเร็ง อุบัติเหตุ โรคหัวใจและโรคศัลยกรรมสมอง นอกจากนี้ยังพบว่าโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นสาเหตุหลัก รองจากโรคมะเร็ง เป็นการตายอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งการเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ นั้น ได้เกิดจากการมีวิถีชีวิตที่มีความเร่งรีบในการทำกิจวัตรประจำวัน พฤติกรรมการรับประทานที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่การรับประทานผักผลไม้น้อย รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การพึ่งพาอาหารนอกบ้าน การสูบบุหรี่ และความเครียด ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และ ทวารหนัก มีมากขึ้น แล้วมีแนวโน้มเป็นโรคนี้เมื่ออายุน้อยลง ทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร

ซึ่งจากสถิติของผู้ที่มารับบริการในโรงพยาบาลตำรวจ ว่าข้าราชการตำรวจ และประชาชนทั่วไป ที่มารับการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก เป็นจำนวนมาก การป้องกันโรคดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้ห่างไกลจากโรคที่กล่าวมา. จากข้อมูลการรักษาพบว่าผู้ที่มารับการตรวจรักษา เนื่องจากมีอาการผิดปกติ อาการท้องอืด จนต้องพึ่งยาระบาย ซึ่งไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลด และถ่ายเป็นเลือด เมื่อวินิจฉัยโดยละเอียด ก็พบว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย(ระยะ 3-4) ซึ่งการรักษา นี้มีความยุ่งยากโดยต้องทำการผ่าตัด เคมีบำบัด และฉายแสง ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง และมีผลลัพธ์ในการรักษาไม่ดี หาก เทียบกับการรักษาในระยะแรก(ระยะ 1-2)ที่ใช้เพียงแค่การผ่าตัดก็เพียงพอ

พ.ต.อ.นายแพทย์ ไพบูลย์ ยังได้เปิดเผย อีกว่า ดังนั้นหน่วยงานศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก กลุ่มงานงานศัลยกรรม โดยนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตร. จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าว และขอเชิญชวนพี่น้องข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไปที่มีอาการดังกล่าวตามข้างต้น อาจมีความเสี่ยง ต่อการเป็นโรคดังกล่าว เข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรค เพื่อเป็นการป้องกัน หรือหากพบสามารถรักษาได้ในระยะแรก จากทีมนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศัลยแพทย์ ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ซึ่งประกอบด้วย พ.ต.อ.นายแพทย์ ณัฏฐพงษ์ กุลสิทธิจินดา พ.ต.ท.นายแพทย์ นเรนทร์ สันติกุลานน์ พ.ต.ท.นายแพทย์ วรัญญู จิรามริทธิ์ ในวันเวลาดังกล่าว

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์