ปรับโฉมครั้งใหญ่ นีโอ สุกี้ รอบ 18ปี พุ่งชนตลาดเชนร้านอาหาร

สองหนุ่มผู้บริหารแห่งกลุ่มบริษัท นีโอ กรุ๊ป พร้อมลุย ตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2565 ประเดิมปรับโฉมครั้งใหญ่ นีโอ สุกี้ รอบ 18ปี พุ่งชนตลาดเชนร้านอาหาร ขยายสาขาแตกไลน์ธุรกิจอาหารแบรนด์ใหม่ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่เลิฟในใจผู้บริโภค

การแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิตัล 4.0 สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปรับตัวตอบรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การพลิกโฉมธุรกิจของ กลุ่มนีโอ กรุ๊ป นั้นได้ประเดิมเริ่มจากการ รีแบรนดิ้ง ของนีโอ สุกี้ นำทัพโดยคุณณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ไทยเรสเทอรองส์ จำกัด คุณณัฐผลกล่าวว่า บริษัทฯได้รีแบรนด์ดิ้งใหม่เพื่อปรับภาพลักษณ์ตราสินค้า ถือเป็นการปรับโฉมของแบรนด์ครั้งแรกในรอบ 18 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ นีโอ สุกี้มา คาดว่าจะทำการปรับภาพลักษณ์ทุกสาขาแล้วเสร็จภายในปี 2560 โดยเริ่มใช้ธีมใหม่ที่สาขา INT เป็นสาขาแรก


ซึ่งการเปลี่ยนธีมใหม่คือการออกแบบโลโก้รูปแบบใหม่จะเน้นไปที่แบรนด์อินไซซ์ เน้นเส้นสายที่ดู Home Made มีความสากลมากขึ้นยึดหลักศาสตร์ของสีและมีการคุมโทนสีที่ดีให้ลูกค้าจดจำให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังทำลายเซ็นของแบรนด์ให้มีความชัดเจนมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงอินไซซ์ของลูกค้าของแบรนด์นีโอ สุกี้
สำหรับจุดแข็งของแบรนด์นั้น คือความแตกต่าง ความหลากหลาย คุณภาพสินค้า และความเอาใจใส่ในเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ ในขณะที่ราคาไม่สูงมาก รวมไปถึงการบริการที่ดี ซึ่งสามารถตอบสนองกับกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของนีโอสุกี้ คือตลาดกลุ่มครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รายได้ระดับ B ถึง A-

ปัจจุบัน นีโอ สุกี้ มีสาขาทั้งสิ้น 19 สาขา โดย มีแฟรนไชส์ ในต่างประเทศ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม และสำหรับแผนการลงทุนในปี 2560 นั้น บริษัทฯ มีแผนการขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขา อีกทั้งจะแตกแบรนด์น้องใหม่เข้ามาช่วยเสริมทัพคือซุนวูบาร์บีคิว ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2560 รวมถึงมีแผนขยาย 3 สาขาภายในปี 2560 ซึ่งงบประมาณการลงทุนภายใน 3 ปี (ปี2560-2562) บริษัทฯ ใช้งบลงทุนก่อสร้างร้านนีโอ สุกี้ และซุนวูบาร์บีคิว ไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท และภายใน 5 ปี จะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา

“โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี กลุ่มบริษัทนีโอกรุ๊ป ซึ่งประกอบไปด้วย นีโอ สุกี้ไทย เรสเทอรองส์ , กังฟู ฟู้ดแอนด์ เบเวอเรจ และ นีโอสยาม โลจิสติกส์ จะเข้าสู่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมียอดขายไม่ต่ำว่า 1,000 ล้านบาท”
สำหรับยอดขายปี 2560 ตั้งเป้าไว้ที่ 330 ล้านบาท ซึ่งยอดขายเติบโตจากปี 2559 ประมาณ 12% โดย ไตรมาสแรกของปี 2560 รายได้ของบริษัทเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 15 % และมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น 9% ทั้งนี้เป็นผลมาจาก บริษัทมีการทำซัพพลายเชนที่ดีขึ้นเข้ามาควบคุมระบบการจัดการผักทุกสาขา ทำให้ต้นทุนลดลงเพราะไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง คาดว่า ปี 2560 รายได้ภาพรวมของบริษัทน่าจะเกินเป้าหมายพอสมควรเนื่องจากมีโปรเจคของซุนวูบาร์บีคิวที่เพิ่มเข้ามาและจะเริ่มขยายในช่วงปลายไตรมาส 2

“การแข่งขันตลาดชาบูในปัจจุบันแข่งขันในรูปแบบบุฟเฟต์ที่เน้นแข่งขันด้วยราคาจะอยู่ในตลาดยาก และค่อยๆล้มหายตายจากไปส่วนร้านที่อยู่ต้องเน้นระดับไฮเอนด์ คุณภาพวัตถุดิบดีนีโอสุกี้จุดยืนของจะไม่ทำแบบบุฟเฟต์เพราะรูปแบบบุฟเฟต์จะถูกควบคุมด้วยต้นทุน ทำให้ไม่สนุกที่จะคิดที่จะพัฒนาเมนูใหม่ๆ การขยายของนีโอสุกี้ จะไม่เน้นขายแฟรนไชส์จะเน้นการเติบโตอย่างมั่นคง คือต้องโตทั้งยอดขายและเติบโตทางด้านบุคลากรควบคู่ไป ”


คุณณัฐพล กัปปิยจรรยา กล่าวเพิ่มเติมว่าในด้านการการตลาดของนีโอสุกี้ จะออกเป็นเทศกาลอาหารใหม่ๆในทุกๆไตรมาส และที่ผ่านมานั้นค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก อาทิเช่น เทศกาลชาบู , เทศกาลหมักซอสไหหลำ หรือ เทศกาลซุปบักกุ๊ดเต๋ สูตรสิงคโปร์ ซึ่ง ผลการตอบรับดีเกินคาดถึงขนาดต้อง บรรจุ เมนู ซุปบักกุ๊ดเต๋ เป็นเมนูถาวร ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เราตั้งใจทำเอาใจใส่ เก็บทุกรายละเอียดนั้นเห็นผล เราส่งทีมงานไปสิงคโปร์ ไปทดลองชิมซุปบักกุ๊ดเต๋ แทบจะทั้งเกาะ และพยายามแกะสูตรกันอยู่นาน ซึ่งเครื่องเทศบางชนิดก็ต้องสั่งนำเข้า ซุปบักกุ๊ดเต๋ เราต้มกระดูกหมูวันต่อวัน ไม่มีการใช้ผงซุปสำเร็จรูปหรือหัวน้ำซุปเข้มข้นมาเจือจาง
สำหรับภาพรวมการตลาดในปีนี้ เรามีการทำ Co Promotion กับ ธนาคาร และเครือข่าย โทรศัพท์เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า ให้มากขึ้น อาทิเช่น โปรโมชั่นรับส่วนลดสูงสุด 30% ของธนาคารกรุงเทพ ตลอดเดือน พฤษภาคม ถึง กรกฎาคม โดย ทางธนาคารก็มีสนับสนุนด้านสื่อ อาทิเช่น Billboard ขนาดใหญ่ บริเวณ เชิงสะพานพระราม9 ฝั่งขาเข้า , ป้าย LED Hello Bangkok ทั่วกรุงเทพ หรือ การพิมพ์โปรโมชั่นบนหน้าซองจดหมายของใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต นอกจากธนาคารกรุงเทพ ยังมี ธนาคารกรุงศรี , ธนาคาร ยูโอบี ,AIS ,True ฯลฯ โดยการทำ Co Promotion จะทำเป็นช่วงเวลาไม่ให้ชนกัน
ในช่วงครึ่งปีหลัง ทางนีโอ สุกี้ จะมีเทศกาลอาหารหมัดเด็ดออกมาอีกแน่นอน รับรองว่าจะต้องถูกใจผู้บริโภคทุกท่าน ในส่วนของระบบฐานข้อมูลสมาชิก (CRM) ทางบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบลงทะเบียนออนไลน์เพื่อลดเวลาในการกรอกข้อมูลบัตรสมาชิกของลูกค้าเวลาสมัครที่สาขา

การใช้สื่อช่วงครึ่งปีหลังจะเน้นสื่อ Online มากขึ้น และ พยายามจะสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของนีโอ สุกี้ ซึ่งเป็นการปรับเพื่อก้าวไปต่อให้ไกลและมั่นคงยิ่งๆขึ้น

ในส่วนของธุรกิจอื่นเครือ นีโอ กรุ๊ป ก็ถือว่าไปได้ดีไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ธุรกิจโลจิสติกส์ ในนาม บริษัท นีโอสยาม โลจิสติกส์ แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด นำทัพโดย คุณธนธัช กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร

หนุ่มกล่าวว่า กลุ่มบริษัทนีโอกรุ๊ป ซึ่งประกอบไปด้วย นีโอ สุกี้ไทย เรสเทอรองส์ , กังฟู ฟู้ดแอนด์ เบเวอเรจ และ นีโอสยาม โลจิสติกส์ แอนด์ ทรานสปอร์ต พร้อมจะเข้าสู่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2565 โดยตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จาก 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก 65 % ธุรกิจโลจิสติกส์ 35 % “สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์นั้น บริษัทฯ มีลูกค้าในธุรกิจและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจอุปโภคบริโภค กลุ่มธุรกิจการเกษตร กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ และธุรกิจต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทก็มีงานในมือจำนวนมาก และเชื่อว่าจะเข้ามาอีกมาก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการ กลับมาลงทุนมากขึ้นของภาครัฐและเอกชน”

“ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมานั้น ผลประกอบการของ นีโอ สยาม จิสติกส์ แอนด์ ทรานสปอร์ต ถือว่าเป็นที่น่าพอใจมาก ด้วยบิลลิ่ง 200 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% และตั้งใจว่าจะพัฒนาต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้”