เผยแพร่ |
---|
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ในฐานะประธานกรรมการบริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ (IRCO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์ยางพาราที่ปัจจุบันผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงทั้ง 3 ประเทศคือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำท่วมภาคใต้ของไทยเมื่อปลายปี 2559 ทำให้พื้นที่ปลูกยางได้รับความเสียหาย ราคายางที่ตกต่ำในช่วงก่อนหน้านี้ทำให้ชาวสวนยางทั้ง อินเดีย อินโดเซีย ลดการกรีดยางในขณะที่สนับสนุนให้ชาวสวนยางทำาชีพอื่นทดแทนซึ่งมีรายได้ดีกว่ากรีดยาง ซึ่งทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่าราคายางมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาในปัจจุบันที่เฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 60 บาท นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาราคายางธรรมชาติในตลาดโลกปรับขึ้นลงหรือแกว่งตัวสูงมาก ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยางทั้งระบบ ดังนั้นที่ประชุมจึงเร่งหาแนวทางให้ราคาในตลาดโลกมีเสถียรภาพมากที่สุด ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้การศึกษาแนวโน้มราคายาง โดยต้องประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ใช้ยางในตลาดโลกด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายธีธัช กล่าวว่า นอกจากนี้ให้ทั้ง 3 ประเทศเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มปริมาณความต้องการยาง ในกรณีที่ราคายางยังแกว่งตัวอยู่ และไม่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ควรจะเป็น ทาง IRCO จะประชุมครั้งต่อไป ในเดือน กรกฎาคมนี้ หรือจะเร็วกว่า ก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ละประเทศให้ร่วมหาทางออกร่วมกันในการประชุมที่จะเกิดขึ้นช่วงปลายปีของทุกปี แต่อย่างไรก็ตามถ้าราคามีความผันผวนมาก อาจจะเร่งการประชุมคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาแนวทางแก้ไขให้เร็วขึ้นนั้น เพื่อพิจารณาควบคุมการส่งออกยางของแต่ละประเทศ ซึ่งเคยดำเนินการไปแล้วครึ่งหนึ่งในปี 59 และประสบผลสำเร็จมาแล้ว
“ขณะนี้ทางกยท.ห่วงแต่ตลาดล่วงหน้าที่มีการเก็งกำไรค่อนข้างสูง ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในระบบ ส่งผลต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ ทาง IRCO จึงพยายามรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพมากที่สุด เช่น การประชาสัมพันธ์และข้อมูลที่ถูกต้องให้ผู้ลงทุน การสนับสนุนให้ผู้ลงทุนใช้ตลาดซื้อขายจริง เป็นต้น” นายธีธัช กล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์