เผยแพร่ |
---|
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. แถลงข่าวกรณีที่ทางกทม.จะมีมาตรการห้ามขายอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ดส์ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด ว่า การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยนั้นมีอยู่แล้ว ซึ่งทางกทม.พยายามทำเพื่อสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเข้ามาถึงความไม่สะดวกในการใช้ทางเท้า ทั้งพื้นที่สยามสแครว์ แยกราชประสงค์ ถนนสุขุมวิท หรือถนนสีลม เป็นต้น แต่ภายหลังที่สำนักข่าวต่างประเทศได้จัดอันดับให้กทม.เป็นเมืองที่มีอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ดส์ดีที่สุดในโลกและสามารถหาซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ขณะเดียวกันทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ให้ความเห็นว่าอาจเป็นช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของกทม. พร้อมมีแนวทางให้กทม.นำเรื่องนี้มาพิจารณาเป็นพิเศษ ทั้งนี้พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือถึงแนวทางต่างๆ พร้อมให้ถนนข้าวสารและถนนเยาวราชเป็นพื้นที่ดำเนินการ ซึ่งต้องควบคู่ไปกับเรื่องการถูกสุขอนามัย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นแนวทางที่พล.อ.ประยุทธ์ กำชับมาด้วย
“ด้วยขีดจำกัดที่มีอยู่ ทำให้ผู้ค้าไม่สามารถดำเนินให้อาหารถูกสุขอนามัยได้ อาทิ การล้างจานที่ไม่ถูกสุขอนามัย การเทเศษอาหารลงในท่อระบายน้ำ ซึ่งทางกทม.จะต้องเข้าไปดำเนินการ และขณะนี้มีรายชื่อของผู้ค้าทั้ง 2 พื้นที่แล้ว ต่อไปจะมีการประชุมเพื่อระบุถึงมาตรการที่ผู้ค้าทั้ง 2 บริเวณต้องผ่านการอบรม โดยผู้ประกอบอาหาร รวมทั้งพนักงานให้บริการ ต้องผ่านการอบรมของสำนักอนามัย กทม. จึงจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินการขายได้ และจะมีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของกทม.เป็นระยะ อย่างไรก็ตามจึงขอเรียนว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทั้งพื้นที่กทม.ไม่มีร้านแผงลอยขายอาหาร เนื่องจากเรื่องนี้ถือเป็นชีวิตของกทม.ไปแล้ว” นายวัลลภกล่าว
เมื่อถามว่าผู้ค้าในพื้นที่อื่นๆ มองว่าทำไมกทม.ถึงเลือกอนุญาตให้เพียง 2 พื้นที่เท่า นายวัลลภกล่าวว่า หากจะอนุญาตให้เป็นเหมือนกันหมด รัฐบาลคงจะบริหารบ้านเมืองลำบาก ขณะเดียวกัน ทั้ง 2 พื้นที่นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดูดนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ซึ่งหากเราไม่ดำเนินการใน 2 พื้นที่ดังกล่าว กทม.ก็จะไม่ได้อะไรเลย ซึ่งเมื่อมีการจัดระเบียบแล้วขอยืนยันว่า จำนวนผู้ค้าจะไม่ลดลง แต่จะเป็นเพียงการจัดระเบียบรวมถึงมีการบริหารจัดการพื้นที่เท่านั้นและจะไม่ได้มีการค้าขาย 24 ชั่วโมง และคาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี 2560 ทั้งนี้ ปัจจุบันการจัดระเบียบเหลือเพียงพื้นที่บางลำภู ที่เป็นจุดใหญ่เท่านั้น ขณะที่พื้นที่อื่นๆ สามารถดำเนินการให้เรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการพื้นที่ใจกลางเมืองหรือจุดไข่แดงเท่านั้น
ที่มา มติชนออนไลน์