เปิดธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 67 ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ โตสูง 1,925% SMEs ก่อนตัดสินใจลงทุนต้องรู้

เปิดธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 67 ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ โตสูง 1,925% SMEs ก่อนตัดสินใจลงทุนต้องรู้

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผย ในงาน 2nd SME Symposium 2023 หัวข้อ “Trend ทางออก SME ไทย ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน-SME ไทย โลกใหม่ใบสีเขียว” ว่าปี 2567 จะเป็นปีที่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ต้องพัฒนาศักยภาพและเตรียมการรับมือกับความหลากหลายรวมถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งเศรษฐกิจประเทศและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะต้องให้ความสำคัญ มีตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีบทบาทกับการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น การทำธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืน และการนำซอฟต์พาวเวอร์มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ

โดย สสว. คาดการณ์แนวโน้มอัตราการเติบโต (จีดีพี) เอสเอ็มอี ปี 2567 จะอยู่ระหว่าง 4-5% จากปัจจัยสนับสนุนเรื่องแนวโน้มการท่องเที่ยวและการส่งออก 

รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การสู้รบและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคต่างๆ ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่อาจกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน ดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นความท้าทายให้เอสเอ็มอีต้องปรับตัว เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ปี 2566-2567 ได้แก่ 

1. ธุรกิจขายของชำ หรือ ร้านโชห่วย เติบโตถึง 940% 

2. ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสวัฒนธรรมชนบท เติบโตถึง 187% หลังสถานการณ์โควิด-19 เทรนด์การท่องเที่ยวของโลกเปลี่ยนไป 

3. ธุรกิจขายของในบ้านมือสอง และซ่อมเฟอร์นิเจอร์ เติบโตกว่า 263% เนื่องจากราคาซ่อมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดซื้อใหม่ หลายสินค้าราคาสูง 

4. ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เช่น การตัดต่อ และการจัดผังรายการ เติบโตที่ 199% เนื่องจากหลังโควิด-19 ธุรกิจเกี่ยวกับสื่อปรับกลยุทธ์ขยายแพลตฟอร์มไปทางกลุ่มสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น

5. ธุรกิจผับ บาร์ และร้านที่ขายแอลกอฮอล์เป็นหลัก เติบโต 125% สอดคล้องกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัว

กลุ่มธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นมาจำนวน 5 อันดับ ได้แก่

1. ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 1,925% ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่จากรูปแบบพฤติกรรมกลุ่มคนเมืองที่เปลี่ยนไป 

2. การผลิตน้ำอัดแก๊สและโซดา มีอัตราการเติบโต 1,109% หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายผลิตภัณฑ์น้ำดื่มได้รับความนิยม มีรสชาติและรูปแบบแปลกใหม่มากขึ้น

3. ร้านตัดเย็บและซ่อมเครื่องแต่งกาย เช่น การแก้ทรงเสื้อ การตัดขากางเกง เติบโต 667% จากที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างชะลอตัว หลังโควิดผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่าย

4. กิจกรรมสันทนาการ เช่น ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านเกม มีอัตราการเติบโต 349% หลังสามารถเปิดได้ตามปกติ 

5. บริการเกี่ยวกับงานศพครบวงจร เติบโต 285% เป็นธุรกิจที่ตอบสนองคนเมือง ครอบครัวขนาดเล็ก ที่ช่วยลดความยุ่งยากและเวลาในการดำเนินการ 

6. ธุรกิจร้านเสริมสวย เติบโต 193% ผลจากการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กิจกรรมบันเทิงและความงามยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ

ธุรกิจในกลุ่มเฝ้าระวัง 2 ปีต่อเนื่อง 2566 และ 2567 คือ 

ธุรกิจหอพักนักศึกษา เนื่องจากหลายสถานศึกษามีการเรียนการสอนแบบออนไลน์มากขึ้น ทั้งมีทางเลือกของที่พักหลากหลาย ทั้งห้องเช่าแบบอพาร์ตเมนต์และคอนโดมิเนียม

ธุรกิจที่เริ่มต้องเฝ้าระวังในปี 2567 เนื่องจากเคยเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงจากปี 2566 แต่ในปี 2567 มีแนวโน้มชะลอตัวลง มีจำนวน 3 กลุ่มหลัก คือ

1. ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสอง เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หดตัวมากถึง 82% อันเนื่องมาจาก สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีในปัจจุบันมือหนึ่งราคาถูกลงมาก มีหลายระดับให้เลือก ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น

2. ธุรกิจขายงานฝีมือและของที่ระลึก เช่น เครื่องเงิน เครื่องจักสาน หดตัวถึง 75%

3. ธุรกิจเกสต์เฮ้าส์ หดตัวกว่า 65% เนื่องจากหลังโรคระบาดโควิด-19 ผ่านไป พฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยน นักท่องเที่ยวนิยมพักระยะสั้น-กลาง นิยมห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า หรือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวมากขึ้น