ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
รับมือ สังคมสูงวัย แนะใช้สมุนไพรใกล้ตัว ชะลอโรค ป้องกันสมองเสื่อม
ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2564 และมีการคาดการณ์ว่า ราวปี 2573 ไทยจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดเช่นเดียวกับญี่ปุ่น เพราะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากขึ้นถึง 28 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรในประเทศ แต่มีการเพิ่มขึ้นของประชากรเพียง 0.18 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า การที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้คาดการณ์อายุขัยเฉลี่ยของผู้คนยาวนานขึ้น ในขณะเดียวกัน การเจ็บป่วยจากความเสื่อมของร่างกายก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งส่งผลต่อระบบบริการสุขภาพ ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทางออกของปัญหาที่กำลังจะมาถึงนี้คือ การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพของตนเองเบื้องต้น โดยเฉพาะภาวะของการถดถอยของสมอง
ซึ่งนับว่า สมอง มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของพวกเรามาก สมองไม่ใช่เพียงสั่งการให้ร่างกายทำกิจวัตรประจำวันได้เท่านั้น แต่สมองยังเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า สภาพสังคมปัจจุบัน ที่กดดัน บีบคั้นให้เราต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลา และต้องเจอกับมลภาวะ ทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความเครียด สมองที่เหนื่อยล้า สร้างให้เกิดความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ส่งผลให้เกิดโรคทางจิตใจต่างๆ ที่พบได้มากขึ้น ทั้งภาวะซึมเศร้า โรคเครียด ภาวะนอนไม่หลับ ความเครียดต่างๆ ซึ่งเมื่อเป็นระยะน้อยๆ อาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ยา เพียงแค่รู้จักการปรับตัว ใช้การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้ง อาหาร ออกกำลังกาย ทำสมาธิ และการพักผ่อน
รวมถึงการเลือกใช้สมุนไพรใกล้ตัว ที่มีข้อมูลยืนยันช่วยดูแลสมอง เป็นทางเลือกในการป้องกัน ซึ่งเป็นปราการสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมเร็ว เช่น บัวบก พริกไทย บัวหลวง หม่อน อัญชัน ลูกยอ บอระเพ็ด ถั่ว งา น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว และต้องใช้อย่างถูกต้อง
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้จัดให้มีการเสวนา “สังคมสูงวัย ห่างไกลสมองเสื่อม” เพราะปัญหาของสมองเมื่อเกิดความเสียหายแล้วจะเอากลับคืนมาไม่ได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการลุกลามเร็ว เนื่องจากการดูแลโรคสมองเสื่อม ค่อนข้างมีความซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายสูงในระยะยาว ยาที่ใช้ต้องนำเข้าทำให้ยามีราคาแพง และเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เกิดโรค หรือชะลอการเกิดโรค จึงถือว่ามีความสำคัญ ภายในงานนี้เราได้เชิญแพทย์เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสมองและการรักษา รวมถึง ผู้เชี่ยวชาญที่จะมาให้ความรู้ แนวทางการใช้สมุนไพรและอัปเดตงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
“งานนี้จะมีการพูดถึงตำรับสมุนไพร อภัยบี ที่มีการตีพิมพ์ต่างประเทศหลายฉบับ เป็นตำรับที่ทำการศึกษาวิจัยมายาวนานกว่า 6 ปี โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า เป็นตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านที่มีศักยภาพมากในแง่ของการดูแลสมอง เนื่องจากออกฤทธิ์ป้องกันภาวะสมองเสื่อมถึง 3 กลไกด้วยกันคือ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบปกป้องสมอง ฟื้นฟูความจำ”
“โดยไปมีผลช่วยลดฮอร์โมนความเครียดในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ทำหน้าที่เปลี่ยนความจำระยะสั้นเป็นระยะยาว และลดการสะสมของเบต้าอะไมลอยด์ และเอนไซม์ที่ทำลายอะซิทิลโคลีนเอสเทอเรส (acetylcholinesterase inhibitors) ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม ซึ่งเป็นกลไกเดียวกันกับยารักษาสมองเสื่อมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน” ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ ในงานยังมี นิทรรศการความรู้ การใช้เครื่องมือคัดกรองภาวะสมองเสื่อม และกิจกรรมสาธิตสูตรสมุนไพรชงดื่มดูแลสมองให้ประชาชนกลับไปทำเองที่บ้านได้ โดยงานจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566 นี้ ที่เกตเวย์ แอท บางซื่อ กรุงเทพฯ
รายละเอียดของกิจกรรมจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบอีกครั้งทาง เฟซบุ๊ก สมุนไพรอภัยภูเบศร หากท่านที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติม หรือปรึกษาปัญหาสุขภาพ สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ฯ โทร. 037-211-289 (วันเวลาราชการ)