5 สาระสำคัญ ช่วยติดปีกธุรกิจให้โต เจ้าของร้าน-นักการตลาดไม่ควรพลาด

5 สาระสำคัญ ช่วยติดปีกธุรกิจให้โต เจ้าของร้าน-นักการตลาดไม่ควรพลาด

foodpanda ได้สรุป 5 สาระสำคัญจากงาน foodpanda Partner Summit 2023 ที่ได้รวมผู้เชี่ยวชาญจากสุดยอดแพลตฟอร์มดิจิทัลแห่งยุค ทั้ง Google, Meta, TikTok และ foodpanda มาอัปเดตเทรนด์และเปิดตำรากลยุทธ์เพื่อติดอาวุธทางการตลาดให้กับร้านค้าพันธมิตร นำมาแบ่งปัน

เพราะเชื่อมั่นว่าข้อมูลจาก foodpanda Partner Summit 2023 จะเป็นประโยชน์กับนักการตลาด เจ้าของธุรกิจทั่วไป และแบรนด์ต่างๆ ด้วยเช่นกัน และ 5 สาระสำคัญที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อช่วยติดปีกธุรกิจต่อไปได้ มีดังนี้

1. วิดีโอคอนเทนต์ช่วยสร้าง Conversion ได้

วิดีโอคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับกลยุทธ์การตลาดในยุคนี้ ล่าสุดข้อมูลจาก Meta เผยว่าปัจจุบันผู้ใช้แพลตฟอร์ม Meta มากกว่า 3,700 ล้านคน ใช้เวลามากกว่าครึ่งบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Instagram ไปกับการดูวิดีโอ

จากการศึกษาผู้ใช้งานกว่า 12,000 ราย ใน 9 ตลาด ในปี 2022 พบว่า Reel ส่งผลต่อการซื้ออย่างมาก หลังการดู Reel พบว่า 3 ใน 4 คนกดติดตามแบรนด์ 2 ใน 3 สั่งซื้อสินค้า และ 1 ใน 2 ส่งข้อความไปหาแบรนด์

นอกจากนี้ จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็น Gen Z (13-17 ปี) หลังจากดู Reel แล้ว 79% กดติดตามแบรนด์ 72% แท็กแบรนด์ และ 69% สั่งซื้อสินค้า ดังนั้น การทำวิดีโอคอนเทนต์ จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่นอกจากจะสร้าง Brand Awareness และเพิ่ม Consideration ได้แล้ว ยังสามารถเพิ่ม Conversion หรือการตัดสินใจซื้อได้ด้วย

สำหรับเจ้าของร้านอาหาร สามารถทำวิดีโอคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านค้าได้ โดยแนวทางของคอนเทนต์ควรมีส่วนผสมของภาพนิ่งเพื่อการสื่อสารเนื้อหาในรายละเอียด และวิดีโอคอนเทนต์ที่ช่วยดึงความสนใจ และเพิ่มยอดการติดตามได้มากยิ่งขึ้น

โดยสามารถทำวิดีโอได้บน Facebook, Instagram และ TikTok ที่สำคัญคือ ต้องเลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการสื่อสารด้วย นอกจากวิดีโอคอนเทนต์แล้ว การไลฟ์สดขายสินค้าก็มีทิศทางการเติบโตที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ สามารถเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เจ้าของร้านควรศึกษาเพื่อผลลัพธ์ทางการตลาดด้วยเช่นกัน

2. มัดใจผู้ชมด้วยความสนุก-ย่อยง่าย-เข้าถึงได้-ไม่ปรุงแต่ง

คำถามสำคัญสำหรับกลยุทธ์วิดีโอคอนเทนต์คือทำอย่างไรให้คอนเทนต์ของคุณ สามารถดึงดูดผู้ชมให้อยู่กับมันได้นานที่สุด ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับวิดีโอใน Reel นั้นมีอยู่ 3 ข้อ คือ

  • ความสนุกสนาน ที่จะมาพร้อมกับเพลง ภาพ เอฟเฟกต์ การเล่าเรื่องที่กระตุ้นอารมณ์ มุมมองแปลกใหม่ หรือการหักมุม เป็นต้น
  • ความย่อยง่าย ที่ต้องเข้าสู่ประเด็นภายใต้ช่วงเวลา 2-3 วินาทีแรก ตรงไปสู่สิ่งที่คนดูอยากรู้ และแสดงให้เห็นมากกว่าการบอกเล่า และใช้แคปชันหรือเสียงเล่าเสริม
  • เข้าถึงได้ หมายถึงการเล่าอย่างเรียบง่ายไม่ปรุงแต่ง ทำให้แบรนด์สามารถใกล้ชิดผู้ชมได้มากขึ้น ใช้นักแสดงที่เป็นคนธรรมดา ในสถานการณ์ที่คุ้นเคย

ทุกวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก TikTok เหตุผลที่วิดีโอคอนเทนต์ใน TikTok มัดใจผู้คนได้อยู่หมัด คือการไม่ปรุงแต่งและความเรียลของวิดีโอ ไม่จำเป็นต้องมีโปรดักชันใหญ่โตแบบ TVC แต่เป็นเหตุการณ์เสมือนจริงที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันได้

ถ่ายด้วยเทคนิคง่ายๆ คอนเทนต์ประเภทนี้จะได้รับความสนใจมากกว่า นอกจากนี้ การขึ้นซูเปอร์ คำบรรยาย ใช้เสียงพากย์ รวมถึงเพลงประกอบก็เป็นส่วนสำคัญ และการเกาะกระแส Hashtag ที่กำลังเป็นเทรนด์ในขณะนั้น ก็จะช่วยเพิ่มการมองเห็นได้มากขึ้น

3. จะร้านเล็กหรือร้านใหญ่ Insight และ Data ก็เป็นสิ่งจำเป็น

เจ้าของร้านขนาดเล็ก พอได้ยินคำว่า Data ก็อาจจะคิดว่าต้องลงทุนสูง ทำความเข้าใจยาก คุณกำลังคิดผิด! ในเมื่อเราใช้ Google เสิร์ชหา Keyword ต่างๆ ทุกวันอยู่แล้ว การเปิดใจลองใช้ Google Trend ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทุกวันนี้การที่เราทำธุรกิจโดยไม่รู้พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย อาจทำให้เราพลาดโอกาสหลายๆ อย่างได้

ยกตัวอย่างง่ายๆ เปาเปาอยากเปิดร้านชาไข่มุก จึงลองใช้ Google Trends ดูข้อมูลว่าในช่วง 1 ปีมานี้ มีคนเสิร์ช Keyword ใน Google คำว่า “ชาไข่มุก” มากแค่ไหน จึงลองเปรียบเทียบความนิยมของการเสิร์ชเครื่องดื่มชนิดอื่น เช่น “กาแฟ” และพบว่ามีการเสิร์ชหาคำว่า “กาแฟ” มากกว่าในจังหวัด A แต่ “ชาไข่มุก” กลับมียอดการเสิร์ชมากกว่าในจังหวัด B ทำให้เปาเปามีข้อมูลว่าควรลงทุนกับเครื่องดื่มประเภทใด ในพื้นที่ไหนบ้างจึงจะมีโอกาสสร้างยอดขาย

ดังนั้น Google Trend จึงเป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้เห็นภาพรวมของความนิยมของคำค้นหาต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลา และเปรียบเทียบความนิยมของหลายๆ คำค้นหาได้ นอกจากนี้ ยังสามารถดูลักษณะการค้นหาของผู้ใช้ที่แบ่งเป็นพื้นที่ และเจาะลึกไปยังจังหวัดหรือภูมิภาคต่างๆ ได้ และที่สำคัญ ใครๆ ก็ใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

4. เพิ่มการมองเห็นผ่าน Google Search และ Google Map

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ได้ผลสำหรับเพิ่ม Awareness ให้กับธุรกิจ นั่นก็คือ การสร้างตัวตนให้กับร้านค้าหรือธุรกิจของคุณใน Google Search และ Google Map ทุกวันนี้ถ้าเราอยากลองร้านอาหารใหม่ๆ จะมีสักกี่ครั้งที่เราเดินหาตามถนนด้วยตัวเอง

คำตอบคือน้อยมากๆ ถ้ามีใครอยากลองอาหารใต้ เขาจะ Search คำว่าร้านอาหารใต้ใกล้ฉัน สิ่งที่ได้คือลิสต์ร้านอาหารใต้ในพื้นที่นั้นๆ พร้อม Location ร้าน Rating ร้าน และรูปภาพอาหารรวมถึงบรรยากาศร้าน นั่นเป็นโอกาสสำคัญที่เจ้าของร้านจะต้องคว้ามาให้ได้ เพราะมันคือโอกาสที่ผู้คนจะตัดสินใจเป็นลูกค้าที่ร้านคุณ ก่อนจะได้ไปที่ร้านจริงๆ เสียอีก

Google เผยว่า 5 ปีที่ผ่านมา มีคนเสิร์ช “ร้านอาหารใกล้ฉัน” เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เป็นการตอกย้ำว่าทฤษฎี ZMOT (Zero Moment of Truth) ที่ถูกนิยามโดย Google นั้นได้ผลเสมอไม่ว่าจะยุคไหน ดังนั้น การสร้าง ZMOT เจ้าของร้านต้องเตรียมข้อมูลทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการติดต่อ รายละเอียดร้านค้า รีวิว เมนู หรือยิ่งถ้ามี CTA (Call to Action) อำนวยความสะดวกให้กดจอง หรือกดสั่งได้ก็ยิ่งดี เพราะยิ่งมีข้อมูลก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายได้มากยิ่งขึ้น

5. เลือก Tools ให้เหมาะ ยกระดับธุรกิจสู่ความสำเร็จ

เจ้าของร้านหลายๆ ท่าน ย่อมมีงบประมาณการซื้อโฆษณาออนไลน์ เพื่อเพิ่มการมองเห็นและสร้าง Conversion แต่ในความเป็นจริง Budget ที่จำกัดทำให้เราต้องเลือกช่องทางที่คุ้มค่าที่สุด และได้ผลดีที่สุด การเลือกเครื่องมือ (Tools) ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับร้านอาหาร ร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับ foodpanda สามารถใช้ เครื่องมือต่างๆ ที่ foodpanda มีให้ได้

เครื่องมือทางการตลาดบนแอป foodpanda สร้างขึ้นจากการวิเคราะห์ Marketing Funnel ซึ่งเน้นความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้รู้ถึง Customer Insights ที่ครอบคลุม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ (Awareness) สร้างความเข้าใจสินค้า (Consideration)

สร้างการซื้อขาย (Conversion) และสุดท้าย คือ สร้างการซื้อซ้ำ (Loyalty) โดย 3 เครื่องมือการตลาดจาก foodpanda คือ pandabox, pandaclick และ Discount Code จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ Performance สูงสุด ตอบโจทย์ Marketing Funnel ให้กับร้านค้าพันธมิตรของ foodpanda