ของเล่น ธุรกิจทำเงินได้จริงจัง “แจ็กสัน ออ” ใช้เวลาไม่กี่ปี ขายไปแล้ว หลายล้านชิ้น

ของเล่น ธุรกิจทำเงินได้จริงจัง “แจ็กสัน ออ” ใช้เวลาไม่กี่ปี ขายไปแล้ว หลายล้านชิ้น
ของเล่น ธุรกิจทำเงินได้จริงจัง “แจ็กสัน ออ” ใช้เวลาไม่กี่ปี ขายไปแล้ว หลายล้านชิ้น

ของเล่น ธุรกิจทำเงินได้จริงจัง “แจ็กสัน ออ” ใช้เวลาไม่กี่ปี ขายไปแล้ว หลายล้านชิ้น

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี นำเสนอเรื่องราวของ “แจ็กสัน ออ” นักธุรกิจวัย 32 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทไมตี้ แจ็กซ์ (Mighty Jaxx) บริษัทผลิตของเล่นของสะสม ที่ออกแบบโดยศิลปิน (Designer Toy) ในสิงคโปร์ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีในการขายสินค้าหลายล้านชิ้น ครอบคลุม 80 ประเทศทั่วโลก

เขารู้จุดอ่อนของตัวเองว่าไม่ใช่ศิลปินที่ดีนัก เขาจึงหาหุ้นส่วนที่มาเติมเต็ม ทำให้ธุรกิจของเล่นหน้าใหม่กลายเป็นธุรกิจระดับโลก

“แจ็กสัน ออ” สะสมของเล่นมาตั้งแต่อายุ 17 ปี และก่อตั้ง “ไมตี้ แจ็กซ์” เมื่อปี 2555 โดยร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกและศิลปินทัศนศิลป์หลายราย ผลิตของสะสมที่รวมเอาวัฒนธรรมป๊อปและการออกแบบเข้าไว้ด้วยกัน

ทีแรกเขาคิดว่าการทำของเล่นเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ใช้อุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้นก็ทำได้ เหมือนกับดูคลิปวิดีโอเวลาทำเมนูอย่างฮอตดอกหรือนักเก็ต เลยเกิดคำถามว่าจะทำของสะสมแบบแฮนด์เมดได้หรือไม่

เขาจึงตัดสินใจจองเที่ยวบินไปเมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นเหมือนโรงงานของโลก เพื่อไปดูว่าโรงงานผลิตของเล่นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และที่นั่นก็เปิดโลกของเขาให้กว้างขึ้นว่า การผลิตมีหลายขั้นตอน และต้องใช้แรงงานจำนวนมากกว่าจะได้ของเล่นแต่ละชิ้น

หลังเก็บเกี่ยววิชามาจากเซินเจิ้น “แจ็กสัน ออ” เดินทางกลับบ้าน และใช้เวลา 1 เดือนในการออกแบบของเล่นร่วมกับ “คล็อกทู” (Clogtwo) ศิลปินกราฟฟิตี้ชาวสิงคโปร์ โดยคอลเล็กชั่นแรกมีชื่อว่า “เฮลล์ โลตัส” (Hell Lotus)

“แจ็กสัน ออ” กู้เงินราว 20,000 ดอลลาร์ เพื่อผลิตของเล่นคอลเล็กชั่นแรก ราว 200 ชิ้น ซึ่งเปิดตัวในงานสิงคโปร์ คอมิก คอนเวนชั่น เมื่อปี 2555 และขายได้หมดในเวลา 6 เดือน

จากนั้นก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัว “ไมตี้ แจ็กซ์” เดินหน้าจับมือกับศิลปินหลากหลายจากทั่วโลกในการสร้างสรรค์ของสะสมที่มีเอกลักษณ์และเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ในขณะที่รายได้ก็เติบโต

การตอบรับแบบก้าวกระโดดเกิดขึ้นเมื่อ “ไมตี้ แจ็กซ์” ร่วมมือกับ “ดีซี คอมิกส์” (DC Comics) ของ “วอร์เนอร์ บราเธอร์ส” เป็นครั้งแรกในปี 2558 โดยทำเงินไปได้ 1.7 ล้านดอลลาร์ มากกว่าปีก่อนหน้าถึง 4 เท่า

ตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็เพิ่มความร่วมมือกับแบรนด์ดังเพื่อเข้าถึงกลุ่มแฟนคลับทั่วโลก ตั้งแต่ อาดิดาส ฮาสโบร ฟอร์มูลาวัน ไปจนถึงเซซามิ สตรีต และเน็ตฟลิกซ์

การทำงานร่วมกันดังกล่าวทำให้ “ไมตี้ แจ็กซ์” ผลิตของสะสมได้หลากหลายขึ้น และมีราคาที่ถูกลง ทำให้แฟนๆ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ยกตัวอย่างของสะสมคอลเล็กชั่น “ดีซี” ถูกขายในราคาตัวละ 10 ดอลลาร์ เทียบกับคอลเล็กชั่นอื่นๆ ที่ผลิตในปริมาณน้อยกว่ามาก ทำให้ราคาสูงถึง 1,200 ดอลลาร์

ส่วนเมื่อปี 2563 ก็ทำกล่องสุ่ม ที่ผู้ซื้อจะไม่รู้ว่าได้ของเล่นหรือของสะสมอะไรจนกว่าจะแกะกล่อง

รายได้ของบริษัทเติบโตในอัตรา 71% ระหว่างปี 2562-2564 ขณะที่มูลค่าของบริษัทขณะนี้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์

……..

ที่มาภาพ : https://mightyjaxx.com/