เตรียมตัว! คลัง เปิดลงทะเบียน บัตรคนจนรอบใหม่ ส.ค. นี้ คาดผู้ใช้สิทธิ 20 ล้านคน

เตรียมตัว! คลัง เปิดลงทะเบียน บัตรคนจนรอบใหม่ ส.ค. นี้ คาดผู้ใช้สิทธิ 20 ล้านคน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยเข้าลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ในเดือน ส.ค. นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างให้แบงก์รัฐ อาทิ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เสนอเงื่อนไขการจัดทำระบบเพื่อลงทะเบียนดังกล่าว

“เรากำลังเปิดให้แบงก์รัฐเสนอเงื่อนไขการเสนอตัวเป็นผู้จัดทำระบบการลงทะเบียนบัตรคนจนและการใช้บัตรคนจน เพราะรอบนี้ เราจะกำหนดให้ใช้บัตรประชาชนแทนบัตรคนจนใบเดิม แต่บัตรคนจนใบเดิมนั้น สามารถกดเงินสดได้ ฉะนั้น ต้องมาดูว่าเมื่อใช้บัตรประชาชนแล้ว จะสามารถกดเงินสดได้ในช่องทางใดได้บ้าง เบื้องต้นน่าจะใช้ลักษณะการผูกพร้อมเพย์กับแบงก์ เป็นต้น”

นอกจากนี้ ยังมีการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่เข้ามาช่วยในการเปิดลงทะเบียนรอบนี้ด้วย เพราะหากได้คนในพื้นที่เข้ามาช่วยดูแล จะช่วยลดปัญหาการลงทะเบียนตกหล่นด้วย ซึ่งขณะนี้ยังให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณาในรายละเอียด

ทั้งนี้ คาดว่าในการเปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่ จำนวนคนจนจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 13 ล้านคน เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้มีรายได้น้อย

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เผยว่า สาเหตุที่กระทรวงการคลังต้องเปิดให้มีการลงทะเบียนรอบใหม่ เนื่องจากข้อมูลผู้ถือบัตรคนจนในปัจจุบันเป็นข้อมูลในปี 2559-2561 โดยที่ผ่านมายังมีกลุ่มตกหล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงการฯ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ในวงกว้าง ทำให้ข้อมูลผู้ถือบัตรคนจนไม่สะท้อนข้อมูลผู้มีรายได้น้อยในปัจจุบัน

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการลงทะเบียนใหม่ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวผู้มีรายได้น้อย และมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการสังคมของรัฐให้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนร่วมโครงการประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งจะรวมถึงผู้ถือบัตรคนจนในปัจจุบันประมาณ 13 ล้านคน และผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทะเบียนรอบนี้จำนวนกว่า 560 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนกรณีการใช้บัตรประชาชนแทนบัตรสวัสดิการฯ จำนวน 164 ล้านบาท

และค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียนของหน่วยรับลงทะเบียน ได้แก่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย กรมบัญชีกลาง (คลังจังหวัด) กระทรวงมหาดไทย (ที่ว่าการอำเภอ) สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเมืองพัทยา รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 400 ล้านบาท

สำหรับคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน ได้มีการปรับปรุงจากเงื่อนไขเดิมที่พิจารณารายได้เป็นรายบุคคลเป็นรายครอบครัว โดยกำหนดรายได้ต่อหัวไม่เกิน 1 แสนบาท และยังกำหนดเงื่อนไขใหม่ที่ผู้ลงทะเบียนต้องไม่มีการถือครองบัตรเครดิต ไม่มีหนี้สินบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และไม่มีหนี้สินยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาทด้วย ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก จะใช้เงื่อนไขที่ใกล้เคียงกับเงื่อนไขเดิม แต่จะพิจารณารวมทรัพย์สินของบุคคลในครอบครัวด้วย

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์