ยิ้มปลื้มแล้ว! รัฐ ช่วยจ่ายค่าน้ำมัน จยย.รับจ้างที่ขึ้นทะเบียน คนละ 250 บาทต่อเดือน

ยิ้มปลื้มแล้ว! รัฐ ช่วยจ่ายค่าน้ำมัน จยย.รับจ้างที่ขึ้นทะเบียน คนละ 250 บาทต่อเดือน

วันที่ 21 มีนาคม เว็บไซต์ มติชนออนไลน์ รายงานข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน อันมีผลจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ

ซึ่งอาจจะทำให้ค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตระหนักดีถึงความลำบากของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อยและผู้ใช้แรงงาน พวกนี้จะเดือดร้อนมากที่สุด

จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ข้อสรุปว่า ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ไม่น่าจะยุติได้โดยเร็ว ซึ่งจากภาพข่าวและข่าวความมั่นคงที่ตนได้รับมาต่างๆ เหล่านี้คาดว่ายังไม่จบลงได้เร็วนัก ตนจึงได้สั่งการให้มีการระดมความคิดเพื่อหามาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน ซึ่งต้องทยอยดำเนินการเพิ่มเติมจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐได้ออกไปแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ รัฐบาล กำหนดมาตรการ ช่วยเหลือประชาชน หนึ่งในนั้นคือ ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม

ส่วนมาตรการอื่นๆ อีก 9 มาตรการ สำหรับการช่วยเหลือประชาชน คือ

1. การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาทต่อเดือน

2. ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน

3. คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม

4. ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาทต่อกิโลกรัม

5. ช่วยลด Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม

6. ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565

7. กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน

8. ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1%

9. ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42-180 บาทต่อเดือน