เช็กเลย! 4 สิทธิประโยชน์ บัตรทอง บริการใหม่จาก สปสช. เพิ่มอะไรบ้าง

เช็กเลย! 4 สิทธิประโยชน์ บัตรทอง บริการใหม่จาก สปสช. เพิ่มอะไรบ้าง

เมื่อวันที่  6 .. 2564 เว็บไซต์ ข่าวสดออนไลน์ รายงานข่าว รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร ประธานคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 1 .. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบการบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จำนวน 4 รายการ ได้แก่

  • 1. การคัดกรองธาลัสซีเมียในคู่ของหญิงตั้งครรภ์
  • 2. การคัดกรองซิฟิลิสในคู่ของหญิงตั้งครรภ์
  • 3. การตรวจวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน
  • 4. บริการสายด่วนเลิกบุหรี่ ซึ่งการจ่ายชดเชยบริการจะใช้งบประมาณ จำนวน 32,149,500 บาท

โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 .. 2565 ยกเว้นบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ ให้เริ่มภายหลังจากที่ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทองแล้ว โดยมอบให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ออกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข สำหรับสิทธิประโยชน์ใหม่ต่อไป

สิทธิประโยชน์ 4 รายการนี้ ได้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาความคุ้มค่าและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ พร้อมกันนี้ได้มีการมอบ สปสช. พิจารณาประเด็นภาระงบประมาณกรณีต้องตรวจยืนยันภายหลังการตรวจคัดกรอง รวมถึงการรักษาต่อเนื่อง และการยืนยันตัวตนกรณีสามี/คู่ของหญิงตั้งครรภ์ ที่ต้องเข้ารับตรวจคัดกรองธาลัสซีเมียและตรวจคัดกรองซิฟิลิสรศ.พญ.ประสบศรี กล่าว

ทั้งนี้ บริการตรวจคัดกรองธาลัสซีเมียในคู่ของหญิงตั้งครรภ์ พบว่า ต้นทุนการตรวจคัดกรองโรคธาลัสซีเมียเท่ากับ 794 บาทต่อคู่ ขณะที่การดูแลผู้ป่วยธาลัสซีเมียอาการรุนแรง จะมีต้นทุนการรักษาคนละ 30,000 บาทต่อปี

แม้จะยังไม่พบการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในไทย แต่จากการศึกษาของฮ่องกงพบว่า ค่าตรวจคัดกรองและติดตามจะอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยตลอดอายุขัยจะอยู่ที่ 40 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

การคัดกรองซิฟิลิสในคู่ของหญิงตั้งครรภ์ พบว่า การตรวจคัดกรองและรับการรักษาก่อนมีบุตร มีต้นทุนต่ำกว่าการตรวจและรักษาเมื่อตั้งครรภ์แล้ว โดยค่าใช้จ่ายในการคัดกรองอยู่ที่ 130-400 บาทต่อครัวเรือน และค่ารักษา 1,500 บาท

ในขณะที่การรักษาซิฟิลิสแต่กำเนิด 1 คน จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอก และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเท่ากับ 70,667 บาทต่อครัวเรือน ดังนั้น จึงควรขยายสิทธิเพื่อควบคุมป้องกันโรค ลดค่าใช้จ่ายการติดตามรักษา และลดผลกระทบในอนาคต

ส่วนการตรวจวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน (Home Blood Pressure Monitoring : HBPM) เป็นรายการที่ไม่มีภาระงบประมาณ เนื่องจากผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอาจจะตื่นเต้น ทำให้เวลาวัดความดันโลหิตอาจมีค่าความดันสูงได้ หรือที่เรียกว่า White coat hypertension จึงต้องให้เครื่องวัดความดันผู้ป่วยกลับไปวัดเองที่บ้านเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อประเมินค่าความดันโลหิตที่แท้จริง

ซึ่งจะเป็นการดูแลผู้ป่วยไม่ให้รับประทานยาเกินความจำเป็น และช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาได้ โดย รพ. สามารถนำไปเป็นงบประมาณจัดซื้อเครื่องวัดความดันให้ผู้ป่วยยืมกลับไปวัดความดันที่บ้านได้

ขณะเดียวกัน ยังสร้างความตระหนักรู้และการดูแลตนเองให้กับผู้ป่วยที่นำไปสู่การป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ โดยสิทธิประโยชน์นี้สามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2565 พร้อมกันทั่วประเทศ

ส่วนบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ (โทร. 1600) พบว่า จะสามารถประหยัดต้นทุนทางสังคมได้ตั้งแต่ 525-10,333 บาทต่อผู้สูบ 1 ราย และสามารถเพิ่มปีสุขภาวะต่อผู้สูบบุหรี่ได้

ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่ 1 ที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และมีต้นทุนความสูญเสียจากความเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรต่อนักสูบหน้าใหม่ ถึงประมาณ 85,000-158,000 บาทต่อคน