เผยแพร่ |
---|
ครม. ขยาย มาตรการบรรเทาภาระ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน-จ่ายสมทบประกันสังคม ให้ประชาชนและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
เฟซบุ๊ก สถานีข่าวกระทรวงการคลัง เผย คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 27,000 ล้านบาท ใช้งบกลางปี 64 เป็นค่าดำเนินการใน 3 มาตรการ ได้แก่
1) ขยายเวลาบรรเทาภาระค่าน้ำ/ค่าไฟ จำนวน 1.9 ล้านครัวเรือน ตั้งแต่ ต.ค. 64-ก.ย. 65 เพิ่มอีก 12 เดือน วงเงิน 2,018 ล้านบาท ถ้าใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกัน 3 เดือน ให้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรี ตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถ้าใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน ให้ใช้สิทธิตามมาตรการนี้ในวงเงิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน ถ้าใช้เกินวงเงินที่กำหนดผู้มีบัตรสวัสดิการฯ เป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
สนับสนุนค่าน้ำประปา จำนวน 186,625 ครัวเรือน วงเงิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน ถ้าใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท โดยส่วนเกินต้องชำระด้วยตนเอง ถ้าใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรสวัสดิการฯ รับภาระชำระค่าน้ำประปาทั้งหมด
2) สนับสนุนค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายการเดินทางและเพิ่มเบี้ยความพิการ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค/บริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านอื่นๆ วงเงิน 18,815 ล้านบาท กลุ่มที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/ปี ได้รับ 200 บาท/คน/เดือน
กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี ได้รับ 300 บาท/คน/เดือน และทั้ง 2 กลุ่ม จะได้รับส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 55 บาท/คน/3 เดือน การดูแลค่าใช้จ่ายการเดินทาง อาทิ ค่าโดยสาร ขสมก. ระบบ e-Ticket/รถไฟฟ้า บขส. รถไฟ อย่างละ 500 บาท/คน/เดือน เบี้ยความพิการ จำนวน 1,000 บาท/คน/เดือน เพิ่มเติม
3) โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการฯ รอบใหม่ วงเงิน 1,642 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียนของหน่วยรับลงทะเบียน ค่าใช้จ่ายในการผลิตและบริหารจัดการบัตรฯ และวงเงิน 4,530 ล้านบาท จัดสรรสวัสดิการแบบไม่มีกำหนดระยะเวลาสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีบัตรฯ และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจทำให้ผู้สมัครรอบใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
อีกทั้ง คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ขยายเวลาปรับลดอัตราจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเพิ่มอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ก.ย.- 30 พ.ย. 64 ดังนี้
ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 จากเดิมฝ่ายละร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 2.5 ของค่าจ้างผู้ประกันตน ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน ม.39 จากเดิมเดือนละ 432 บาท ลดลงเหลือ 235 บาทต่อเดือน
(ส่วนผู้ประกันตน ม.40 มติ ครม. วันที่ 15 มิ.ย. 64 ได้เห็นชอบลดเงินสมทบเหลือร้อยละ 60 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ ส.ค. 64- ม.ค. 65 แล้ว)
แบบที่ 1 (ได้ประโยชน์ทดแทน 3 กรณี) จากเดิม 70 บาท ลดลงเหลือ 42 บาท/เดือน
แบบที่ 2 (ได้ประโยชน์ทดแทน 4 กรณี) จากเดิม 100 บาท ลดลงเหลือ 60 บาท/เดือน
แบบที่ 3 (ได้ประโยชน์ทดแทน 5 กรณี) จากเดิม 300 บาท ลดลงเหลือ 180 บาท/เดือน
การลดเงินสมทบเดือน ก.ย.-พ.ย. 64 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ประกันตนในระบบจ่ายเงินสมทบลดลงกว่า 10,721 ล้านบาท และนายจ้างจ่ายเงินสมทบลดลงกว่า 9,629 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกันตนนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายช่วยเสริมสภาพคล่องได้ประมาณ 945-1,575 บาทต่อคน และนายจ้างมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นเพื่อให้กิจการสามารถเดินต่อไปได้