สสว. เร่งอัพเดตทะเบียน SMEs พร้อมจัดทําฐานข้อมูล Big Data

สสว. เร่งอัพเดตทะเบียน SMEs พร้อมจัดทําฐานข้อมูล Big Data ติดอาวุธทางความคิดเหนือคู่แข่ง

สสว. – สสว. เชิญชวนผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ พร้อมปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมปฏิรูประบบฐานข้อมูล จัดทํา Big Data เปิดให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลของเอสเอ็มอีอย่างลงลึกครบทุกด้าน เป็นการติดอาวุธทางความคิดให้กับเอสเอ็มอี เพื่อปรับตัวในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า การแข่งขันทางธุรกิจในยุคปัจจุบันนี้ ข้อมูลข่าวสารจะเป็นอาวุธที่สําคัญในการตัดสิน สสว. จึงได้ปฏิรูปฐานข้อมูลเอสเอ็มอีใหม่ เพื่อช่วยรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการ ให้สามารถตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

โดยเฉพาะด้านการกระตุ้นและฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจของประเทศจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การเข้าถึงแหล่งทุน หรือกองทุนดอกเบี้ยต่ำ การเข้าถึงองค์ความรู้เพื่อยกระดับหรือพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ รวมทั้งการต่อยอดการดําเนินธุรกิจสู่ตลาดในระดับสากล เป็นต้น

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

ซึ่งหากทะเบียนข้อมูลของผู้ประกอบการมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากที่สุด ย่อมเป็นเครื่องมือที่สําคัญที่จะช่วยให้ สสว. สามารถดําเนินการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการได้เหมาะกับความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่ม

“การปรับปรุงฐานข้อมูลทะเบียนผู้ประกอบการให้มีความสมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิก สสว. มาขึ้นทะเบียนที่เว็บไซต์ www.sme.go.th หรือที่ศูนย์ให้บริการเอสเอ็มอีครบวงจร (SME One-Stop Service center : OSS) ซึ่งมีสาขาอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนผู้ประกอบการที่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการไว้แล้ว ก็ขอความร่วมมือในการติดต่อแจ้งปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับการดําเนินธุรกิจ ความต้องการด้านการส่งเสริมและสนับสนุน รวมถึงช่องทางการติดต่อ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน” ผอ.สสว. ระบุ

การขึ้นทะเบียนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาด้านภาษี และไม่มีค่าธรรมเนียมในการขึ้นทะเบียน และจะไม่มีการนําไปเปิดเผยแก่หน่วยงานอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของเอสเอ็มอี นอกจากนี้ สสว. ยังจัดทําฐานข้อมูลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในระบบ Big Data เพื่อให้สามารถสะท้อนแนวโน้มทางธุรกิจและรองรับแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างต่อเนื่อง

โดยฐานข้อมูล Big Data นี้ จะเปิดให้ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานวิจัยต่างๆ เข้ามาใช้งานได้อย่างทั่วถึง เพื่อนําไปวิเคราะห์วางแผนธุรกิจ แนวโน้มของตลาด เทรนด์ของธุรกิจ และแนวทางการเริ่มธุรกิจใหม่ ยกระดับธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

โดย Big Data ของ สสว. นี้ จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1. โครงสร้างธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ได้ดึงข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจของกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มาประมวลผลและข้อมูลในส่วนของเอสเอ็มอีอย่างลงลึก ซึ่งแบ่งออกเป็นข้อมูลจํานวนผู้ประกอบการ จํานวนการจ้างงาน และจํานวนผู้ประกอบการใหม่ที่มีอายุธุรกิจ 0-3 ปี โดยข้อมูลในแต่ละส่วนนี้ผู้ประกอบการสามารถเลือกศึกษาลงลึกได้ทั้งในระดับภูมิภาค จังหวัด ขนาดธุรกิจตั้งแต่ไมโครเอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง รวมทั้งยังแยกย่อยเป็นภาคธุรกิจและหมวดธุรกิจ โดยมีข้อมูลผู้ประกอบการทั้งประเทศกว่า 3.1 ล้านราย

2. โครงสร้างการกระจายรายได้ผู้ประกอบการ ที่จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ งบการเงิน ข้อมูลรายได้ของบุคคลธรรมดา และข้อมูลเปรียบเทียบงบการเงินตามผลประกอบการธุรกิจที่จะแสดงข้อมูลของเอสเอ็มอีในเรื่องต้นทุนการขาย รายได้รวม ค่าใช้จ่ายรวม และหนี้สินรวม ทั้งภาพรวมทั้งประเทศ และแยกย่อยราย ขนาดธุรกิจ ภูมิภาค จังหวัด ภาคธุรกิจ และหมวดหมู่ธุรกิจ ซึ่งมีข้อมูลย้อนหลังไปจนถึงปี 2554 ทําให้ผู้ประกอบการเห็นเทรนด์ธุรกิจตั้งแต่ในอดีตและสามารถคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้แม่นยําขึ้น

3. โครงสร้างการส่งออกและนําเข้าของเอสเอ็มอี โดย สสว. ได้นําข้อมูลการส่งออกและนําเข้าจากกรมศุลกากร มาประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นส่วนของเอสเอ็มอี ซึ่งข้อมูลนี้จะมีความสําคัญมากทําให้เห็นแนวโน้มของสินค้า โดยจะแสดงข้อมูลการนําเข้าส่งออก ข้อมูลการค้าทางชายแดนของสินค้าทุกชนิด จําแนกรายประเทศและภูมิภาค รวมทั้งแยกย่อยตามขนาดธุรกิจตั้งแต่ไมโครเอสเอ็มอี ขนาดเล็ก และขนาดกลาง ตลอดจนข้อมูลสถานการณ์การนําเข้าของประเทศคู่ค้าของไทย

“สสว. เชื่อว่าหากเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงฐานข้อมูล Big Data นี้ จะเป็นการติดอาวุธทางความคิด สามารถช่วยยกระดับการดําเนินธุรกิจของเอสเอ็มอีได้เป็นจํานวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจบริการหรือโรงแรม หากต้องการจะเปิดกิจการ/สาขาเพิ่มเติม ก็สามารถที่จะเข้ามาใช้ฐานข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจโดยเจาะลึกได้ทั้งระดับภูมิภาคและจังหวัด พร้อมแนวโน้มทางการตลาด ต้นทุน และแนวทางในการดําเนินธุรกิจ เพื่อหาจุดคุ้มทุนหรือการลงทุนได้ เป็นต้น นอกเหนือจากผู้ประกอบการแล้ว ฐานข้อมูล Big Data ของ สสว. ยังสามารถอํานวยความสะดวกให้กับหน่วยงานอื่นๆ ได้นําไปวิเคราะห์ วิจัย ในการ วางแผนพัฒนาเอสเอ็มอีในอนาคต โดย สสว. จะเดินหน้าปรับปรุงฐานข้อมูลนี้ให้มีรายละเอียดรอบด้านทุกมิติ ปรับปรุงการนําเสนอให้ง่ายต่อการค้นหาและเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ตั้งแต่รายย่อยขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่” นายวีระพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย