‘แตงโม’ สรรพคุณเพียบ คลายเครียดได้ แคลอรีต่ำ ช่วยป้องกันการติดเชื้อ

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) แนะรับประทาน “แตงโม” เพื่อช่วยคลายร้อน คลายความเครียด ด้วยคุณสมบัติอุดมด้วยสารอาหารที่ให้ประโยชน์กับร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อ รักษาแผลให้หายเร็ว ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ  

ในสภาวะที่มีแรงกดดันมากมายในยุคปัจจุบัน การรับประทานแตงโมสามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ เพราะสารโพแทสเซียมในแตงโมจะช่วยควบคุมความดันโลหิตทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี เย็นชื่นใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ แตงโมยังมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ ดังนี้


“ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น”
 แตงโมมีสารซิตรัลลีน (citrulline) อยู่มาก โดยสารนี้จะไปช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ทั้งนี้ ในการรับประทานแตงโมไม่ใช่เพียงจะดื่มน้ำแตงโมอย่างเดียว เราควรรับประทานเนื้อแตงโมเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวที่อยู่ลึกลงไป แม้รสชาติจะไม่ค่อยหวาน แต่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย

ช่วยต้านมะเร็ง มีประโยชน์ต่อหัวใจ” แตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่มีชื่อว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งสารนี้จะมีอยู่มากในมะเขือเทศด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้วแตงโมจะมีมากกว่าถึง 40% นอกจากนี้ วารสารวิชาการ “โรคมะเร็ง” แห่งเอเชียแปซิฟิก ได้ระบุว่า สารไลโคปีนนี้จะช่วยเป็นโล่ปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด เพื่อไม่ให้เป็นมะเร็งผิว นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยจาก Florida State University พบว่าแตงโมมีกรดอะมิโน L-Citrulline อยู่มาก ซึ่งกรดชนิดนี้เป็นสารตั้งต้นของ L-Arginine ที่ช่วยควบคุมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจและช่วยให้การไหลเวียนโลหิตเป็นไปโดยสะดวก จำเป็นต่อการสร้างกรดไนตริก ซึ่งเป็นก๊าซที่ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยลดความดันโลหิต และป้องกันเส้นเลือดสมองแตกได้

“มีประโยชน์ต่อคนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวาน” แตงโมมีแคลอรีต่ำและยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ที่มีประโยชน์ วารสารโภชนาการของต่างประเทศ “Journal of Nutrition” ได้ให้ข้อมูลว่า กรดอะมิโนในแตงโมที่มีชื่อว่า “อาร์จินิน (Arginine)” มีอยู่มากมายในเนื้อแตงโม เป็นสารที่ช่วยในการเผาผลาญแคลอรีได้ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและกลูโคส ส่วนไขมันในแตงโมมี 96 แคลอรีเท่านั้น ฉะนั้น การรับประทานแตงโมที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำ จะช่วยทำให้เราอิ่มได้เร็วขึ้น

“แตงโมกับความงาม” ความเย็นของแตงโมจะช่วยผ่อนคลายผิวหน้าภายนอกให้ดูสดชื่น ส่วนสารสีแดงจากแตงโม คือ ไลโคปีน ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) จะสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี และวิตามินเอที่มีในแตงโมจะช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้น และวิตามินซีจะช่วยให้ผิวกายสดใสขึ้น แตงโมสีแดงสดยังเต็มไปด้วยโพแทสเซียมที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น น้ำของแตงโมก็มีประโยชน์ต่อผิวสวยของทุกคน เพราะในน้ำของแตงโมจะมีโมเลกุลของน้ำตาล รวมทั้งมีกรดอะมิโนอยู่เล็กน้อย ซึ่งจะช่วยในการบำรุงผิวของสาวๆ ให้สวยใสยิ่งขึ้น

แม้นว่าแตงโมแช่เย็นจะให้ความสดชื่นแก่ผู้รับประทาน แต่อาจมีคุณค่าทางโภชนาการลดลงเมื่อเทียบกับแตงโมที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง เนื่องจากแตงโมยังผลิตสารอาหารต่อเนื่องแม้ถูกเก็บมาจากต้นแล้ว ซึ่งกระบวนการนี้จะลดลงหากนำแตงโมไปเก็บในอุณหภูมิเย็น อย่างไรก็ตาม รสเย็นของแตงโมก็มีส่วนช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ แตงโมยังมีคุณค่าทางสมุนไพร อาทิ “ราก” มีน้ำยางใช้รับประทานแก้อาการตกเลือดหลังการแท้ง “ใบ” ใช้ชงเป็นยาลดไข้ ผลที่แสนอร่อยนั้นมีคุณสมบัติเป็นยาเย็น ช่วยระบาย ขับปัสสาวะ ช่วยย่อย แก้เบาหวาน และดีซ่าน จากคุณประโยชน์ที่หลากหลายนี้ แตงโม จึงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกทางเลือกหนึ่งของคนรักสุขภาพทุกๆ ท่าน