กรมควบคุมโรค ย้ำ “การกักตัวเอง” เป็นแนวทางสำคัญ ช่วยควบคุมโรคโควิด-19

กรมควบคุมโรค ย้ำ “การกักตัวเอง” เป็นแนวทางสำคัญ ช่วยควบคุมโรคโควิด-19

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร พร้อมทั้งออกมาตรการที่เข้มข้น และขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่บ้าน เพื่อลดการสัมผัสเชื้อ ส่วนผู้ที่เข้าข่ายต้องกักตัวเอง หลักๆ มีอยู่ 2 กลุ่มคือ 1. ผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง และ 2. ผู้เดินทางมาจากเขตติดโรคติดต่ออันตรายทุกคน ผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่องหรือพื้นที่พบผู้ป่วย กรมควบคุมโรค จึงขอย้ำว่า “การกักตัวเอง” เป็นแนวทางสำคัญ ที่ช่วยควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้

การกักตัวเอง จะใช้เวลาประมาณ 14 วัน (ระยะฟักตัวของโรค) มีวิธีปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ป่วยและผู้สูงอายุ 2. หยุดเรียนหรือทำงาน รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ 3. ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชูทุกครั้งที่ไอ จาม หากไม่มีกระดาษทิชชู ให้ใช้ต้นแขนด้านในหรือข้อศอกตัวเองแทน สิ่งสำคัญคือห้ามไอ จาม ใส่ฝ่ามือตัวเอง 4. ห้ามทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น รวมถึงควรแยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำ เป็นต้น 5. สวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างจากผู้อื่น 1-2 เมตร 6. แยกห้องนอน 7. ทำความสะอาดที่พักและของใช้ 8. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และสุดท้าย 9. ทิ้งหน้ากากอนามัยหรือกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วให้ถูกวิธี โดยทิ้งในถุงพลาสติก ปิดถุงให้สนิทมิดชิด ก่อนทิ้งลงถังขยะที่ปิดมิดชิด และล้างมือด้วยสบู่และน้ำนานประมาณ 15-20 วินาที หรือแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไปทันที

อย่างไรก็ตาม นอกจากกักตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญคือ การสังเกตอาการตัวเอง วัดอุณหภูมิร่างกาย และจดบันทึกเป็นประจำทุกวัน หากมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ และหายใจเหนื่อยหอบ หรือมีอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรพบแพทย์ทันที และแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทราบ