ผู้เขียน | เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
บีโอไอ แนะ! 9 ธุรกิจที่ SMEs ไทย ควรไปลงทุนในต่างประเทศ
คุณชูวงศ์ ตั้งคุณสมบัติ ผู้อำนวยการ กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า กองส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ หรือ บีโอไอ เป็นหน่วยงานที่ศึกษา วิเคราะห์ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศ อีกทั้งยังจัดทำยุทธศาสตร์การลงทุนรายประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่าย ผสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และสร้างความได้เปรียบในเชิงธุรกิจให้กับ SMEs ไทย อีกทั้งคอยวางแผนงาน ชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาในไทย
คุณชูวงศ์ เผยว่า ผู้ประกอบการไทย มีศักยภาพและความสามารถมากพอ ที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยที่ผ่านมา ทางบีโอไอ มีการแนะนำให้นักลงทุนไทย เข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะ CLMV ซึ่งเป็นประเทศที่มีความต้องการการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก
โดยอุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยควรไปลงทุนในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ที่มีตัวเลขการลงทุนไทยในต่างประเทศ (TDI) ค่อนข้างสูง อาทิ
ประเทศกัมพูชา ในปี 2017 มีตัวเลขการลงทุนไทยในต่างประเทศ กว่า 15.75 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอันดับการลงทุนในกัมพูชา ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8 (จีนรั้งอันดับ 1) โดยธุรกิจที่ควรไปลงทุนในกัมพูชา ได้แก่
- อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม เช่น การรับจ้างผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ หรือ ชุดกีฬา
2. ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ เช่น โรงแรม หรือ ธุรกิจเรือท่องเที่ยว
3. ธุรกิจโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ เป็นที่ต้องการมากในประเทศ เนื่องจากยังขาดแคลนบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย
ประเทศลาว ในปี 1989 – 2018 ตัวเลขการลงทุนอยู่ที่ 4,400 ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับการลงทุนในลาว ไทยประเทศที่มีการเข้าไปลงทุนอันดับ 2 (จีนรั้งอันดับ 1) โดยธุรกิจที่ควรเข้าไปลงทุน ได้แก่
- อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เช่น ธุรกิจแปรรูปยางพารา กาแฟ ข้าวออร์แกนิก หรือข้าวโพด เนื่องจากเป็นประเทศที่มีทรัพยากรมาก แต่หากยังขาดแคลนเทคโนโลยีในการจัดการกับพืชผลทางการเกษตรของประเทศ
2. ธุรกิจโรงแรม
3. ธุรกิจเชนร้านอาหาร เช่น ธุรกิจอาหารไทย
ประเทศเมียนมา ในปี 2017 มีตัวเลขการลงทุนกว่า 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับการลงทุนไทย อยู่ที่อันดับ 3 (จีนรั้งอันดับ 1) ซึ่งธุรกิจที่บีโอไอแนะนำให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุน ได้แก่
- อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม เช่น การรับจ้างผลิตเสื้อผ้าแบรนด์
2. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อย่าง ชาพร้อมดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง หรืออาหารพร้อมทาน
3. ธุรกิจร้านอาหาร เช่น ร้านอาหารไทย
และ ประเทศเวียดนาม ในปี 2018 มีมูลค่าการลงทุนไทย สูงถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับการลงทุน ไทย อยู่ที่อันดับ 9 (เกาหลีใต้รั้งอันดับ 1) โดยธุรกิจที่ควรเข้าไปลงทุน ได้แก่
- อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ขนมและของทานเล่น น้ำสมุนไพร น้ำผลไม้ หรือเบียร์
2. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ถุงพลาสติก หรือ กล่องกระดาษ ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในประเทศ
3. ธุรกิจค้าปลีก อย่าง ร้านสะดวกซื้อ ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ ร้านวัสดุก่อสร้าง
“อุตสาหกรรมเด่นๆ ที่ควรเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะใน CLMV นั้น เป็นอุตสาหกรรมที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่ไทยมีอยู่ค่อนข้างมาก อีกทั้งค่า TDI ใน 4 ประเทศดังกล่าวก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นเรื่องน่าสนใจ หากผู้ประกอบการจะเข้าไปลงทุนกัน” คุณชูวงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
หากสนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ เว็บไซต์ www.boi.go.th