เผยแพร่ |
---|
ล้วงเคล็ดลับ ร้านในตำนาน “เจ๊ไข่ซีฟู้ด” ทำยังไงให้เป็น สุดยอดร้านดีลิเวอรี่แห่งปี
หากใครมีโอกาสผ่านไปย่านประชาชื่น คงจะคุ้นเคยกับร้านอาหารซีฟู้ดที่ตั้งโดดเด่นริมคลองประปาอย่างร้าน “เจ๊ไข่ซีฟู้ด” ซึ่งถือเป็นร้านอาหารทะเลเจ้าแรกบนถนนเส้นนี้ ด้วยชื่อเสียงด้านความอร่อยที่ลือเลื่องมานานกว่า 30 ปี ทำให้มีลูกค้าแน่นร้านเกือบตลอดเวลาในทุกวัน

เริ่มต้นธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์
คุณนิภาพร ซื่อสัตย์ คือชื่อและนามสกุลจริงของ “เจ๊ไข่” สาวแกร่งวัย 57 ปี ก่อตั้งธุรกิจร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ด มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองและสามี หากจะบอกว่าเธอคือคนที่ซื่อสัตย์กับใจตัวเองและลูกค้าก็คงไม่ผิดนัก เพราะถึงแม้จะเป็นคนกุมบังเหียนการบริหารร้าน แต่เจ๊ไข่ก็ยังคงทำหน้าที่ลงไปตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบถึงแหล่งด้วยตัวเองอยู่เสมอ ด้วยความตั้งใจที่ต้องการรักษามาตรฐานของร้านเอาไว้
“เจ๊เรียนจบแค่ ป.7 ก็เลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาหางานทำเป็นลูกมือคอยช่วยหั่น ช่วยสับอาหารอยู่ในครัว เพราะเรารู้ตัวว่าชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆ พออายุ 17 เจ๊ตัดสินใจชวนแฟนมาทำรถเข็นขายอาหาร ซึ่งช่วงนั้นลูกค้าก็เริ่มติดใจในรสมือ จนเป็นแรงผลักดันให้อยากมีร้านขายอาหารที่เป็นหลักแหล่ง
บวกกับสมัยนั้นที่ถนนเส้นประชาชื่นไม่มีร้านขายอาหารซีฟู้ดเลย เรามองเห็นโอกาสตรงนี้เลยตัดสินใจกู้เงินมาลงทุน คว้าโอกาสไว้และเริ่มเปิดเป็นร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ดอย่างทุกวันนี้ เจ๊มองว่าสิ่งที่ทำให้คนติดใจและกลับมากินอาหารที่ร้านเราซ้ำบ่อยๆ คือมาตรฐานของรสชาติและการบริการ วัตถุดิบที่เจ๊เลือกมาทำอาหารต้องมีคุณภาพเหมือนที่เราทำให้คนในครอบครัวเรากิน สิ่งนี้คือความซื่อสัตย์และจริงใจที่เรามอบให้ลูกค้ามาตลอด”

เปลี่ยนร้านเก่า สู่ร้านเก๋ายุคดิจิทัล
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ๊ไข่ซีฟู้ดยังคงยืนหนึ่งในด้านอาหารทะเลมาจนถึงทุกวันนี้ คือการพัฒนาและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคอยเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ จากลูกๆ อย่าง คุณบ๊วย-พนารัตน์ เอี่ยมผ่องใส ที่ได้เข้ามาช่วยบริหารร้าน และออกไอเดียปรับเปลี่ยนระบบภายในให้ทันสมัย
“วิกฤตหรือปัญหาเศรษฐกิจที่เคยเจอมาเทียบไม่ได้เลยกับช่วงโควิด เพราะเราไม่สามารถขายหน้าร้านได้เลย แต่ก่อนหน้านั้นเรามีทำระบบฟู้ดดีลิเวอรี่ของเราเองอยู่แล้ว มีมอเตอร์ไซค์ 3 คันสำหรับใช้ส่งออร์เดอร์ที่สั่งตรงกับร้าน แต่ด้วยจำนวนรถแค่นี้ทำให้ช่วงโควิดระบาดหนักๆ เราก็ไม่สามารถส่งอาหารได้ทันกับความต้องการของลูกค้า บางครั้งลูกๆ เองก็ยังต้องช่วยกันขับรถออกไปส่งอาหารด้วยตัวเอง
ตอนนั้นเจ๊ก็เริ่มมองหาเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยเราแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งแกร็บเป็นตัวเลือกแรกที่เจ๊สนใจ เพราะมีไรเดอร์เยอะ ลูกค้าที่มาทานหน้าร้านก็ถามถึงบ่อยๆ ว่าส่งผ่านแกร็บหรือเปล่า พอตัดสินใจเข้าร่วมกับแกร็บ เจ๊ก็ไม่ผิดหวัง เพราะช่วยทำให้ลูกค้าเข้าถึงอาหารของร้านเราได้เยอะขึ้น แถมได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ที่อยู่นอกโซนประชาชื่นอีกด้วย กลายเป็นว่ายอดสั่งอาหารผ่านแกร็บในช่วงนั้นนับเป็นอีกหนึ่งรายได้หลักของร้านก็ว่าได้” เจ๊ไข่ เล่า

ด้านลูกสาว มองว่า “เราเป็นลูกที่โชคดีที่คุณแม่เป็นคนเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพร้อมปรับเปลี่ยนระบบการบริหารร้านให้ดีขึ้น ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมีผลเยอะมากต่อการบริหารร้านให้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะเทรนด์ร้านอาหารในยุคคุณแม่ คือการเน้นขายตัวตนของผู้ก่อตั้ง
เมื่อเราต้องมารับช่วงต่อดูแลกิจการ จะทำอย่างไรให้ร้านเติบโตต่อไปได้ และที่สำคัญคือ ลูกค้ายังคงเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของร้านเราไม่ต่างจากรุ่นบุกเบิก ซึ่งคุณแม่เองก็เห็นตรงกันกับลูกๆ ในเรื่องนี้ จึงได้พยายามปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง
ลูกๆ เองก็นำวิธีการทำงานของคุณแม่มาต่อยอด ผสมผสานกับแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ จนกลายเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เราดึงดูดได้ทั้งลูกค้าเดิมที่มาทานตั้งแต่รุ่นคุณแม่ และลูกค้าใหม่ที่เป็นวัยรุ่นซึ่งรู้จักร้านของเราผ่านโซเชียลมีเดียและการทำการตลาดออนไลน์”

เสียงสะท้อนความสำเร็จผ่านรางวัลการันตี
ด้วยความจริงใจและใส่ใจในคุณภาพอาหารที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้ร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ดได้รับรางวัลการันตีมากมายจากหลายสถาบัน และล่าสุดกับ “รางวัลสุดยอดร้านดีลิเวอรี่แห่งปี ประเภทอาหารไทย” จากงานประกาศรางวัล #GrabThumbsUp Awards 2022 ที่กลายเป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยันความนิยมของร้านผ่านการขายบนแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่อย่าง GrabFood
“แม้ว่าเราจะเริ่มทำตลาดผ่านช่องทางฟู้ดดีลิเวอรี่ได้เพียง 2 ปีกว่า แต่ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดหวัง เพราะตอนนี้ยอดขายหลักเกือบ 50% ก็มาจากช่องทางนี้ แถมยังทำให้เราได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น สำหรับรางวัล #GrabThumbsUp ที่เราเพิ่งได้รับนี้ เจ๊และลูกๆ รู้สึกภูมิใจมาก เพราะเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นที่เราได้รับจากลูกค้า และเป็นกำลังใจให้กับความทุ่มเทในการรักษามาตรฐานมาโดยตลอด”
“ส่วนในแง่ของการดูแลร้าน เจ๊มองว่า เราต้องมีไอเดียสดใหม่อยู่เสมอ อย่างเช่นการที่น้องบ๊วยเปิดคาเฟ่ HATCH by J’Khai ที่กำลังจะรีแบรนด์เป็น Hatchery ก็เป็นอีกหนึ่งความสดใหม่ที่เราใส่เข้ามา ใครจะไปคิดว่าร้านอาหารทะเลและคาเฟ่จะอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งร้านนี้เราก็ทำการตลาดออนไลน์เหมือนกัน
สิ่งนี้ถือเป็นจุดขายที่เจ๊ใช้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เปิดใจเข้ามาทานอาหารร้านเรา เมื่อลูกค้าเห็นว่าร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ดมีการปรับตัวอยู่เสมอ ไม่ล้าสมัย ลูกค้าก็จะไม่เบื่อที่จะกลับมา เจ๊มองว่านี่เป็นกำไรของเรานะ มองว่าเป็นความแซ่บที่เราได้รับตอบแทนจากการที่เราทุ่มเทความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าทำงานตรงนี้มาโดยตลอดก็ได้นะ” เจ๊ไข่ พูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข