กลยุทธ์ ZENN เมกอัพไทยจับนักช็อปจีนโกย 600 ล้าน/ปี

กลยุทธ์ Zenn เมกอัพไทยจับนักช้อปจีนโกย 600 ล้าน/ปี
กลยุทธ์ Zenn เมกอัพไทยจับนักช้อปจีนโกย 600 ล้าน/ปี

กลยุทธ์ ZENN เมกอัพไทยจับนักช็อปจีนโกย 600 ล้าน/ปี


สูตรสำเร็จนอกจากปั้นแบรนด์และมีช่องทางจำหน่ายที่คนจีนเข้าถึง คือ ‘คนจีนเชื่อรีวิว’ ยิ่งถ้าเป็นรีวิวคนมีชื่อเสียงต่างๆ ยิ่งต้องลอง นี่เองที่เป็นการจุดกระแสบอกต่อที่ดีสำหรับการตลาดในจีนยุคนี้
#Zenn #แบรนด์ไทยบุกตลาดจีน #bangkokbank #bangkokbanksme #sme

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ความงาม หรือเครื่องสำอางแบรนด์สัญชาติไทย เรียกว่าได้รับการยอมรับไม่แพ้แบรนด์ดังยุโรป ญี่ปุ่น หรือเกาหลี โดยเฉพาะสาวจีนยุคใหม่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ในช่วงยังไม่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของฝากที่นิยมซื้อไปฝากญาติมิตรหรือเพื่อนฝูง คงหนีไม่พ้นสินค้าเพื่อความงาม ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สปา

โดยพบว่าแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ มิสทีน (Mistine) สเนลไวท์ (Snail White) บิวตี้ บุฟเฟต์ (Beauty Buffet) คิวท์เพรส (Cute Press) แอนเจอรี่ (ANJERI) และเรย์ (RAY) จากความนิยมดังกล่าว ทําให้บริษัทผู้ผลิตแบรนด์สินค้าเพื่อความงามของไทยทยอยบุกตลาดจีนกันอย่างต่อเนื่อง

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

โดยในช่วงเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ตลาดความงามเติบโตขึ้นทุกปี สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุว่าตลาดเครื่องสำอางในจีนมีอัตราการเติบโตไม่หยุด สอดคล้องกับข้อมูลจาก Euromonitor ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านวิเคราะห์การตลาด ได้เปิดเผยข้อมูลว่า นับตั้งแต่ในปี 2560 ยอดขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในจีนมีมูลค่าถึง 186,700 ล้านหยวน หรือเพิ่มขึ้น 10.3% เช่นเดียวกับยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแต่งหน้ามีมูลค่า 34,400 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 21.3% โดยชาวจีนนิยมซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์ดังต่างประเทศมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจากกรมสถิติแห่งชาติจีน ระบุว่ามูลค่าขายปลีกผลิตภัณฑ์ความงามในปี 2561 มีมูลค่าถึง 261,900 ล้านหยวน สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าตลาดผลิตภัณฑ์ความงามในจีนมีขนาดใหญ่มาก

บริษัทไทยส่วนใหญ่เข้าไปทำตลาดจีน ส่วนใหญ่จะเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนนิยมซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพราะความสะดวกและประหยัดเวลา ทำให้ทิศทางการซื้อขายออนไลน์ในจีนยังคงขยายตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปี 2551 ตลาดจีนมีมูลค่าการซื้อขายทางธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ คิดมูลค่า รวมทิ้งสิ้น 3.14 ล้านล้านหยวน จากนั้นก็ทยอยเพิ่มขึ้นไม่หยุด โดยปี 2561 มีมูลค่ารวมสูงถึง 31.63 ล้านล้านหยวน ซึ่งขยายตัวถึง 10 เท่าในช่วงระยะเวลา 10 ปี ทำให้จีนครองแชมป์ตลาดซื้อขายปลีกผ่านระบบออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลก

มิสทิน” แบรนด์ไทยรายแรกเจาะตลาดจีนสำเร็จ

แบรนด์ มิสทิน จากไทย ถือว่าเป็นเจ้าแรกที่เข้าไปรุกทำตลาดอย่างจริงจังในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถทำยอดขายในปี 2562 สูงถึง 5,000 ล้านบาท ซึ่ง 90% ของยอดขายมาจากการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมิสทีนสามารถทำยอดขายติดอันดับ TOP 10 แบรนด์เครื่องสำอางที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 7 บน TMALL เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และสินค้าเครื่องแต่งหน้าของมิสทีนก็มียอดขายเป็นอันดับ 1 แซงหน้าแบรนด์อินเตอร์หลายแบรนด์ในบางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน ส่วนการทำตลาดออฟไลน์มิสทีนเข้าไปเปิดร้านสาขาแรกที่ Super Brand Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าสัญชาติไทยในเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2561

“ZENN” แบรนด์น้องใหม่มาแรง ปีเดียวกวาด 600 ล้านบาท

อีกแบรนด์สัญชาติไทยที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในตลาดจีนอย่างมากนั้นก็คือ แบรนด์ ZENN ซึ่งเป็นแบรนด์เครือเดียวกันกับ Tokyo Dolls สัญชาติไทยขนาดแท้ โดยยอดขายของแบรนด์ ZENN ในประเทศจีนเมื่อปี 2562  ประมาณกว่า 2 ล้านชิ้น ราคาขายหน้าร้านในประเทศจีนชิ้นละประมาณ 200-300 บาท คิดเป็นยอดขายก็ประมาณ 600 ล้านบาทเลยทีเดียว

ทั้งนี้สาเหตุที่แบรนด์ ZENN สามารถเจาะตลาดจีนจนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพราะ

1. วาง Position อย่างชัดเจนว่า ตำแหน่งของแบรนด์สินค้าจะอยู่ในจุดไหน กลุ่มเป้าหมายคนจีนที่จะมาเป็นลูกค้าคือเป็นผู้หญิง อายุ 18-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นและสาววัยทำงานสมัยใหม่

2. วาง Brand character กำหนดตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจน แต่ละโพสต์ที่ลงในเว็บไซต์ Weibo เน้นแฟชั่นสมัยใหม่ และสีสันของคนรุ่นใหม่ เรียกได้ว่า ปรับสไตล์ให้ทำเข้ากับผู้หญิงจีนที่ชอบแต่งหน้าแนวสีสันสดใส  

3. วางกลยุทธ์การตลาด ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้สอดคล้องกับ ข้อ 1 และ 2

กำหนดแผนทำตลาดให้ถูกจริตของกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน

สำหรับแบรนด์ ZENN วางแผนระยะสั้นและกลางในการทำตลาดจีน คือทำให้คนจีนเริ่มรู้จักจนมี Distributor ติดต่อเข้ามา ซึ่งขั้นตอนนี้สามารถใช้สื่อออนไลน์ช่วยทำให้คนจีนรู้จักและไปเตะตา Distributor ได้ เช่น การใช้ KOL (Key Opinion Leader) ผู้นำทางความคิด Celeb ในโลกออนไลน์หรือเน็ตไอดอล หรือคนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากในโลกออนไลน์

พอเริ่มเป็นที่รู้จักและมี Distributor ติดต่อเพื่อนำไปจำหน่ายในจีน สิ่งที่ทางแบรนด์ ZENN ทำต่อไป คือการกำหนดแผนระยะยาวว่าจะอยู่ในตลาดจีนได้เช่นไร แนวทางจัดจำหน่ายแบบไหน ซึ่งทางแบรนด์ ZENN ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะต้องขายใน Modern Trade ให้ได้ เพื่อที่จะเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ขายในจีนระยะยาว และเน้นสร้าง Product ให้ถูกจริตของคนจีน

ทุกวันนี้ประเทศจีนไม่เพียงแต่เป็นโรงงานผลิตสินค้าสำคัญของโลก แต่ด้วยตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคนแล้ว ยังเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อมหาศาล ตลาดจีนจึงเป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ อยากเข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดในทุกวงการธุรกิจ รวมทั้งตลาดความงามด้วยเช่นกัน

 

แหล่งอ้างอิง :  ถอดบทเรียนแบรนด์เครื่องสำอางไทย กวาดยอดขายหลักร้อยล้านบาทที่จีน ใน 1 ปี #อ้ายจง

                      https://www.blockdit.com/posts/5ec7bc6f7fee701cb5fc5bd2 

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<

ส่องแพลตฟอร์ม ‘Tmall’ ค้าออนไลน์สุดฮอตตลาดจีน

สาวญี่ปุ่นฮิต ‘สวย’ ด้วยธรรมชาติและออร์แกนิก

Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจ สามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก หรือ สายด่วน 1333