5 นวัตกรรมช่วยดูแลลูก ตอบโจทย์ความปลอดภัยและสุขภาพของเจ้าตัวน้อย

5 นวัตกรรมช่วยดูแลลูก ตอบโจทย์ความปลอดภัยและสุขภาพของเจ้าตัวน้อย

การเป็น “แม่คน” ไม่ใช้เรื่องง่ายเลยสำหรับมนุษย์เพศผู้หญิง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย กิจกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่คอยสร้างความกังวลใจให้กับคุณแม่ทั้งมือเก่ามือใหม่ ไม่รู้จักจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย ปัญหาสุขภาพและสุขอนามัยที่ดีของเจ้าตัวเล็ก รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาการและโภชนาการที่ต้องดีที่สุด เพื่อให้การเติบโตของลูกๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสมวัย

เพื่อให้การดูแลลูกๆ ของบรรดาผู้ประกอบอาชีพแม่เป็นเรื่องที่สนุก ง่าย และทันสมัย จึงอยากอาสา พาไปทำความรู้จักกับ 5 นวัตกรรมที่จะช่วยให้การดูแลลูกๆ เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โดยนวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการส่งเสริมจาก “สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA” ซึ่งเหมาะกับคุณแม่ในยุคดิจิตอลเป็นอย่างมาก เพราะนวัตกรรมเหล่านี้เป็นเสมือนมือขวา และผู้ช่วยคอยเทกแคร์บรรดาเด็กๆ ให้ได้รับทั้งประสบการณ์ พัฒนาการ นันทนาการ และโภชนาการที่เหมาะสม อีกทั้งยังช่วยให้คุณแม่ลดความกังวลในการเลี้ยงลูกไปได้อีกหลายขั้นตอน

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA เผยว่า การพัฒนานวัตกรรมสำหรับกลุ่มแม่และเด็กเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจ เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มผู้ปกครองล้วนสรรหาเครื่องมือหรือตัวช่วยที่มีคุณภาพและดีที่สุดสำหรับการดูแลบุตร ทั้งนี้้ จะเห็นได้ว่าตลาดสินค้า บริการ และนวัตกรรมเพื่อแม่และเด็กมีการเติบโตต่อเนื่องสวนกระแสกับสภาวะอัตราการเกิดที่ลดน้อยลง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการ สตาร์ตอัพ หรือนักพัฒนานวัตกรรมจะชิงจังหวะในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีหรือธุรกิจนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่นี้ โดยสามารถขอรับคำปรึกษาหรือการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ จาก NIA ได้ ซึ่งในโอกาสครบรอบขวบปีที่ 10 ของการเป็นองค์การมหาชน NIA มุ่งเดินหน้าสู่การเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนบริษัท องค์กร และหน่วยงานต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมของประเทศ ผ่านกลไกและการประสานงานให้เกิดการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในฐานะผู้ประสานระบบ (System Integrator) เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการได้รับการสนับสนุนให้กับเยาวชน นักศึกษา ผู้ประกอบการ และผู้สนใจการพัฒนานวัตกรรมทุกระดับ นอกจากนี้ ยังมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ INNOVATION NATION หรือประเทศแห่งนวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบ

“นมป้องกันฟันผุแดรี่โฮม”

เริ่มกันที่ สุขภาวะในช่องปากของเด็ก โดยเฉพาะปัญหา “ฟันผุ” เรามักจะพบในกลุ่มเด็กเล็กที่ชอบรับประทานขนมแต่มักจะแปรงฟันไม่สะอาด “นมป้องกันฟันผุแดรี่โฮม” ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ช่วยลดปัญหาดังกล่าว มีการคัดเลือกจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากช่องปากของคน (Lactobacillus paracasei SD1) มาประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพช่องปากในรูปแบบต่างๆ เช่น นมอัดเม็ด โยเกิร์ต นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม

“นมป้องกันฟันผุแดรี่โฮม”

โดยมีคุณสมบัติทั้งการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ Streptococcus Mutans และ Streptococcus Sobrinus แบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ อีกทั้งช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในน้ำลาย และควบคุมจำนวนเชื้อก่อโรคฟันประเภทต่างๆ ให้สามารถคงอยู่ในช่องปาก เพื่อกำจัดแหล่งเชื้อฟันผุได้นาน พร้อมเกาะติดเยื่อบุผิวในช่องปากได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าว ถือเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับสุขภาพช่องปาก โดยเฉพาะลดการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควรในกลุ่มเด็กเล็ก ทั้งยังสามารถดูแลรากฟันตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนมไปจนถึงฟันแท้ได้เลยทีเดียว

คิดส์อัพ : แอพพลิเคชั่นแก้ปัญหาจราจรหน้าโรงเรียน

การรับลูกหลังเลิกเรียน เป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่คุณแม่หลายคนประสบปัญหา ทั้งการสูญเสียเวลาและความเครียดที่เกิดจากการจราจร มลพิษจากยานยนต์ รวมทั้งการ วนรถ หรือการจอดรถรอบริเวณโรงเรียน แต่อุปสรรคเหล่านี้กำลังจะหมดไป ด้วย คิดส์อัพ : แอพพลิเคชั่นแก้ปัญหาจราจรหน้าโรงเรียน แอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถรับลูกๆ โดยที่ไม่มีการจอดรถรอ เนื่องจากแอพมีฟังก์ชั่นที่สามารถกด Call เมื่อกำลังจะไปรับนักเรียน โดยระบบ จะเชื่อมกับกูเกิ้ลแพลตฟอร์มในการคำนวณระยะเวลาที่จะถึงหน้าโรงเรียน ในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อไปยังโรงเรียน ซึ่งใช้เพียงคอมพิวเตอร์พีซี 1 เครื่องต่อเข้ากับโทรทัศน์ และเชื่อมฐานข้อมูลเด็กกับผู้ปกครองที่จะมารับ เพื่อให้ทางโรงเรียนสามารถพาเด็กมาได้ทันเวลาที่ผู้ปกครองมารับ ขณะเดียวกัน เด็กที่มีโทรศัพท์มือถือก็จะมีแอพพลิเคชั่นสำหรับเด็ก ที่สามารถส่งสัญญาณเตือนเมื่อผู้ปกครองจะมารับได้เช่นเดียวกัน

“นาฬิกาป้องกันเด็กหาย POMO Kids Watch”

นอกจากคิดส์อัพแล้ว เราจะยังอยู่กันในหมวดนวัตกรรมเรื่องของความปลอดภัยกับ “นาฬิกาป้องกันเด็กหาย POMO Kids Watch” นวัตกรรมที่ใช้ติดตามพฤติกรรมของเด็ก เพื่อป้องกันเด็กหาย โดยไอเทมนี้ มีการนำเทคโนโลยีระบบ  Take  me  home ซึ่งเป็นระบบที่นําทางเด็กกลับบ้าน และมีเส้นทางบอกในนาฬิกา  ระบบเพิ่มเพื่อน ที่หากใช้นาฬิกาโทรศัพท์ที่เหมือนกัน และอยู่ในบริเวณใกล้กัน เพียงแค่เขย่าตัวเรือนนาฬิกา  ก็สามารถเพิ่มเพื่อนกันได้ นาฬิกานี้ได้สร้างแอพพลิเคชั่นที่ทํางานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์

และ  Accelerator  algorithm เพื่อทํางานในฐานะผู้ติดตาม สามารถส่งและรับข้อความ เสียง และ อีโมติคอน โต้ตอบกับพ่อแม่ได้ นอกจากนี้ เมื่อมีเหตุจําเป็นจะมีปุ่ม  SOS ที่ส่งการแจ้งเตือนไปถึงผู้ปกครองได้ และบอกพิกัดได้อย่างแม่นยํามากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี 3G Triple mode Tracking  ซึ่งพัฒนาจากรุ่นเดิมที่เป็น 2G อุปกรณ์นี้จึงเป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง ที่จะช่วยลดปัญหาเด็กหายหรือเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กได้

“เกมอาร์เทอแลนด์ (Artheland)”

“เกมอาร์เทอแลนด์ (Artheland)” เกมที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อเอาใจคุณแม่ที่หลายครั้งหลายครา ลูกๆ เรียกร้องขอเล่นสมาร์ตโฟน หรือแท็บเลต โดยคุณแม่อาจเกิดความกังวลว่า สื่อหรือเกมในเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้จะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูก แต่สำหรับ “เกมอาร์เทอแลนด์” เป็นเกมที่ช่วยพัฒนาความคิด และให้ความบันเทิงกับเด็กๆ อย่างครบครัน โดยผู้พัฒนาเกม ได้อาศัยเทคโนโลยี Web/Mobile Application เทคโนโลยีการสร้างเกม และเทคนิคการคำนวณลักษณะการเล่นเฉพาะบุคคล มาพัฒนาต้นแบบแพลตฟอร์มของเกม ให้เป็นสามารถช่วยเสริมทักษะด้านการแก้ไขปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้เหตุผล โดยเนื้อหาเกม จะถูกสร้างจากพฤติกรรมของผู้เล่นแต่ละคน เพื่อให้เกิดสถานการณ์ที่เหมาะสมกับระดับความคิดของผู้เล่นนั้นๆ นอกจากนี้แพลตฟอร์มยังมีฟังก์ชั่นสำหรับใช้เก็บข้อมูลพัฒนาการของการเล่นเฉพาะบุคคล เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับประเมินและช่วยวางแผนการเสริมสร้างประสบการณ์ในอนาคตอีกด้วย

“น้ำยาทาเล็บสำหรับเด็ก ซาติ (SATI) ”

ปิดท้ายด้วย “น้ำยาทาเล็บสำหรับเด็ก ซาติ (SATI)” ผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ที่มีลูกสาว ที่อยู่ในวัยกำลังเรียนรู้ผ่านพฤติกรรมการเลียนแบบผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องความสวยความงาม การแต่งตัว และการใช้เครื่องสำอาง นวัตกรรมนี้จึงช่วยตอบโจทย์ความกังวลเกี่ยวกับสารเคมีเจือปน ที่ดูแล้วไม่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อย น้ำยาทาเล็บสำหรับเด็ก ซาติ เป็นน้ำยาทาเล็บสำหรับเด็กที่มีลักษณะพิเศษคือ เมื่อต้องการกำจัดสีเดิม สามารถใช้เล็บสะกิดแล้วลอกออกได้ ไม่ต้องใช้สารทำละลายที่อยู่ในน้ำยาทาเล็บ โดยมีการผสมกันระหว่างสารยึดเกาะชนิดสารสังเคราะห์ (อะคริลิกอิมัลชันฐานน้ำ) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าเรซินสังเคราะห์ (ไนโตรเซลลูโลส) ที่ต้องใช้สารตัวทำละลายมาละลายเรซิ่น และเมื่อสีแห้งแล้ว สีจะเป็นเสมือนฟิล์มบางๆ เกาะบนผิวเล็บ ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง เพราะมีการใช้น้ำยางพาราเป็นส่วนผสมร่วมกับอะครีลิกอีมัลชันฐานน้ำ และเมื่อต้องการลอกสีทาเล็บเดิมออก ก็ทำได้ง่ายโดยการสะกิดให้สีเผยอ ออกแล้วลอกสีออกเป็นแผ่น ลักษณะดังกล่าวนี้มีข้อดีกว่าสีทาเล็บทั่วไปคือ สามารถลอกออกได้ง่าย มีส่วนผสมในองค์ประกอบเป็นสารจากธรรมชาติคือน้ำยางพาราที่มีความปลอดภัยสูง