ส้มโอสวนสระแก้ว ส่งขายจีน โกยผลรายได้ปีละ 20 ล้าน

ส้มโอ จัดว่าเป็นไม้ผลเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของไทย นิยมปลูกอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ปลูกส้มโอต้องดูแลอย่างไร ตลาดดีแค่ไหน สามารถหาคำตอบได้จาก กิจการสวนส้มโอเงินล้าน ของคุณปรีชา-คุณพจมาน เศรษฐโภคิน สองสามีภรรยาเจ้าของกิจการส้มโอสวนสระแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ 3 หมู่ 4 ถนนสุวรรณศร ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว

คุณปรีชา-คุณพจมานโชว์ผลส้มโอพันธุ์ทองดี

ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมกิจการได้ทุกวัน การเดินทางไปสวนแห่งนี้ไม่ยาก เพราะแค่ใช้เส้นทางถนนสาย 33 หลัก กม.ที่ 223 เกือบจะ 224 ค่ะ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังอบต.บ้านแก้ง อ.เมือง จ.สระแก้ว หากไม่มั่นใจในเส้นทาง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 089-984-2621 หรือค้นหาข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “ส้มโอ สวนสระแก้ว”

จากมนุษย์เงินเดือนสู่อาชีพเกษตรกร

คุณปรีชาเล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า ผมเรียนสายสัตวบาล ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน หลังเรียนจบก็ทำงานซีพี เมื่อปี 2515 นับเป็นพนักงานสัตวบาลรุ่นแรกที่บุกเบิกธุรกิจฟาร์มหมูของซีพี ต่อมาจีนเปิดประเทศ ถูกย้ายไปคุมโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่จีนนาน 18 ปี การงานก้าวหน้าจนได้ตำแหน่ง รองประธานเขตประเทศจีน ก่อนตัดสินใจลาออกก่อนเกษียณอายุ เพื่อทำอาชีพเกษตรกรรมตามคำฝันของตัวเอง ที่จังหวัดสระแก้ว

เมื่อ 12 ปีก่อนคุณปรีชาเริ่มต้นอาชีพเกษตรกรรมโดยการลงทุนทำฟาร์มหมูจำนวน 6,000 ตัว เนื้อที่ 30 ไร่ ควบคุมการเลี้ยงด้วยระบบอัตโนมัติ ควบคุมอากาศ ระบบน้ำ และการให้อาหาร ใช้คนดูแลฟาร์มหมูแค่ 5 คน ต่อมาได้ซื้อที่ดินรอบฟาร์มเพิ่มเป็น 300 ไร่ เพราะเป็นเขตกันชนป้องกันกลิ่นระหว่างฟาร์มหมูกับบ้านเรือนประชาชน และแบ่งพื้นที่ 200 ไร่ทำสวนส้มโอ ใช้ขี้หมูที่เลี้ยงในฟาร์มมาใช้เป็นปุ๋ยคอกบำรุงต้นส้มโออีกทางหนึ่ง

เมื่อคุณปรีชาอาศัยการเรียนรู้เรื่องการปลูกดูแลส้มโอจากสวนส้มโอส่งออกของกลุ่มพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุ่งแสลงพันธุ์ จ.ลพบุรี และเกษตรกรที่เชี่ยวชาญเรื่องการปลูกส้มโอในจังหวัดต่างๆ

การปลูกดูแลสวนส้มโอ

คุณปรีชาเล่าว่า ผมลงทุนทำสวนส้มโอโดยใช้หลักการเดียวกับการทำฟาร์มหมู เริ่มจากคัดเลือกส้มโอพันธุ์ดีมาปลูก ผมเลือกส้มโอพันธุ์ทองดี เพราะมีคุณภาพดี ขนาดลูกพอเหมาะ 1 ตู้สามารถส่งออกได้ถึง 20 ตัน ส้มโอทองดี มีลำต้นแข็งแรงทนทานต่อโรคและแมลงได้ดี จำนวนลูกต่อต้นมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แถมมีรสชาติอร่อย สามารถส่งขายได้ทั่วโลก

ใช้ปุ๋ยขี้ไก่บำรุงต้นส้มโอ คุณปรีชาได้เลือกซื้อกิ่งพันธุ์ส้มโอทองดีไร้เมล็ดของเครือซีพี จึงซื้อกิ่งพันธุ์ส้มโอของซีพีมาปลูกที่สวนสระแก้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ซีพีมาช่วยดูแลจัดระบบการปลูก โดยปลูกในลักษณะแปลงยกร่อง เพราะต้นส้มโอไม่ชอบน้ำขัง ต้นส้มโอชอบดินที่ค่าความเป็นกรดอ่อนๆ ประมาณ 5.5-6.5 เนื่องจากสภาพดินของสวนแห่งนี้ มีสภาพเป็นกรดสูงทำให้ต้นส้มโอที่ปลูกในระยะแรกเจอโรคและแมลงเยอะมาก จึงใช้ปุ๋ยขี้หมูที่มีสภาพเป็นด่างประมาณ 8 มาปรับสภาพดินทำให้ต้นส้มโอเติบโตสมบูรณ์ ทนทานต่อโรคแมลงมากขึ้น

คุณปรีชาจะยึดหลักจัดการสวนส้มโอ โดย “ขึ้นน้ำวันพ่อ และเก็บเกี่ยววันแม่” เริ่มจากขึ้นน้ำต้นส้มโอในวันพ่อ คือ 5 ธันวาคม ช่วงเดือนมกราคม ต้นส้มโอก็จะผลิดอก ต้องใช้เวลาอีก 7 เดือนครึ่งก็จะเก็บผลผลิตออกขายได้ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ต้นส้มโอจะเริ่มเก็บผลผลิตรุ่นแรก 30 ลูก/ต้น ก้าวสู่ปีที่ 5 ได้ผลผลิตเพิ่มเป็นปีละ 50 ลูก /ต้น ปีที่6 ได้ปีละ 80 ลูก /ต้น ปีที่ 7 เก็บได้ปีละ 100 ลูก/ต้น ก้าวเข้าสู่ปีที่ 8-10 เก็บผลผลิตได้ปีละ 120-150 ลูก/ต้น ปีที่ 12 เก็บได้ปีละ 200 ลูก/ต้น

คุณปรีชาโชว์ตารางค่าพีเอชของดินสำหรับปลูกพืชแต่ละชนิด

คุณปรีชาคาดหวังว่า ส้มโอสวนสระแก้วจะสามารถเก็บผลผลิต 200 ลูก/ต้น/ปี ไปอย่างต่อเนื่องไปอีก 20 ปี เพราะเคยไปเยี่ยมชมสวนส้มโอ ของเกษตรกรรายหนึ่งที่จังหวัดปราจีนบุรียังให้ผลผลิตที่ดี เฉลี่ยปีละ 500 ลูก/ต้น แม้จะเป็นต้นส้มโอเก่า อายุ 25 ปีแต่มีสภาพต้นสมบูรณ์ปลูกในระยะห่าง 12X12 เมตร และมีระบบบริหารจัดการที่ดี ทั้งปุ๋ยและให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ครั้งละ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ให้น้ำเฉลี่ยชั่วโมงละ 100 ลิตร

การปลูกส้มโอให้มีคุณภาพดีและมีรสชาติอร่อย หัวใจสำคัญไม่ได้แค่ให้ปุ๋ย ให้น้ำแก่ต้นส้มโอ แต่ต้องรู้จักธรรมชาติของต้นส้มโอด้วย โดยทั่วไป ต้นส้มโอไม่เหมาะกับการปลูกในพื้นที่ภาคเหนือเพราะต้นส้มโอไม่ชอบสภาพอากาศที่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส หากฝืนปลูก จะได้ผลส้มโอที่มีเปลือกเหลืองและมีรสชาติเปรี้ยว

คุณปรีชา ยกตัวอย่างเช่น ส้มโอเวียงแก่น ก็เจอปัญหาในลักษณะนี้ กลุ่มตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอเวียงแก่นเคยเดินทางมาเยี่ยมชมสวนส้มโอคุณปรีชาหลายครั้งแล้ว เพื่อพูดคุยแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งคุณปรีชาเสนอทางเลือกในหลายแนวทาง เช่น เปลี่ยนสายพันธุ์ส้มโอ หรือ ดูแลจัดการไม่ให้ต้นส้มโอผลิดอกในช่วงฤดูหนาว โดยใช้วิธีการยกคันดินขึ้นมา เพื่อควบคุมการให้น้ำ

สวนส้มโอทั่วไปจะได้ผลผลิตลดลงเพราะผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งเนื่องจากต้นส้มโอไม่ชอบสภาพอากาศร้อน ทำให้ต้นส้มโอติดดอกออกผลน้อยลง คุณปรีชาพยายามลดความสูญเสียหาย โดยเสี่ยงไม่ให้ต้นส้มโอผลิดอกในช่วงหน้าแล้ง โดยอาศัยหลักการควบคุมน้ำ และใส่ปุ๋ยเคมีสูตรที่มีตัวหน้าสูงแทน

ส้มโอทองดี ให้ผลตอบแทนสูง

การลงทุนทำสวนส้มโอเนื้อที่ 200 ไร่แห่งนี้ ใช้เงินลงทุนสูงถึง 60 ล้านบาท เป็นค่าที่ดิน ค่าขุดบ่อน้ำ ค่ากิ่งพันธุ์ ค่าวางระบบน้ำ ฯลฯ กิจการนี้ สามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 10 ปี ปัจจุบันส้มโอสวนสระแก้วใช้เงินลงทุนหมุนเวียนในบริหารจัดการสวน(เงินเดือนคนงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าปุ๋ย) อีกปีละ 6 ล้านบาท ขายผลผลิตได้ปีละ 20 ล้านบาท เมื่อหักต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด เหลือผลกำไรปีละ 14 ล้านบาท เฉลี่ยผลตอบแทนไร่ละ 100,000 บาท ถือว่า ส้มโอเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในการลงทุนจริงๆ เพราะใช้เงินลงทุนปลูกเพียงครั้งเดียวแต่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ยาวนานถึง 25 ปี แถมให้ผลตอบแทนต่อปีสูงมาก เมื่อเทียบกับไม้ผลเมืองร้อนชนิดอื่นๆ

ส้มโอพันธุ์ทองดี รสชาติหวานฉ่ำ

คุณปรีชาได้น้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาใช้เป็นพิมพ์เขียวบริหารจัดการสวนแห่งนี้ คือ ขุดบ่อน้ำ สำหรับเลี้ยงปลาและมีน้ำใช้สอย ทำนา ปลูกป่า ปลูกผัก ปลูกบ้าน และ ปลูกไม้ผล

ปัจจุบันสวนสระแก้วแบ่งเนื้อที่ 6 ไร่ สำหรับทำนาข้าว สร้างป่าไม้ 40 ไร่รอบสวน โดยให้เหตุผลว่า ผืนป่า 1 ไร่เนื้อที่ 1,600 ตร.ม. ปลูกไม้ยืนต้น รวมทั้งต้นหญ้าจะช่วยเก็บกักน้ำไว้ใต้ดิน 400 ตัน ที่นี่พัฒนาแหล่งน้ำเนื้อที่ 24 ไร่ ตามทฤษฎีแก้มลิง คือ ขุดบ่อน้ำในพื้นที่ต่ำ ตามสภาพภูมิประเทศ

คุณปรีชา บอกว่า ฟาร์มหมูแห่งนี้ใช้น้ำจากบ่อบาดาลจำนวน 3 บ่อ แต่ละวันหมู 6 พันตัวต้องใช้น้ำ 230 ลิตร สวนส้มโอเนื้อที่ 200 ไร่ ปลูกส้มโอประมาณ 5,000 ต้น โดยทั่วไป ต้นส้มโอจะใช้น้ำเฉลี่ย 200 ลิตร ต่อต้นต่อวัน สำหรับส้มโอที่ปลูกในพื้นที่ภาคกลางจะต้องให้น้ำ เฉลี่ยปีละ 200 วัน

ปลูกส้มโอ เน้นเจาะตลาดคนรวย

“ผลไม้เป็นสินค้าตลาดคนรวย ผมปลูก ส้มโอ ขายคนมีเงิน ที่สำคัญ ส้มโอเป็นผลไม้ที่ผู้คนทั่วโลกกินได้ หากเก็บส้มโอที่อุณหภูมิ 5-10 องศาเซลเซียส จะมีอายุการเก็บรักษานานถึง 2 เดือนโดยรสชาติยังดีอยู่ จึงไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องตลาดมากนักเพราะส้มโอมีอายุการขายที่ยาวนานกว่าผลไม้ชนิดอื่น สามารถส่งออกทางเรือนาน 1 เดือนยังเหลือเวลาการขายอีกเกือบเดือน รัฐบาลควรส่งเสริมเกษตรกรปลูกส้มโอ เป็นผลไม้เศรษฐกิจ” คุณปรีชา กล่าว

หากปลูกส้มโอเป็นไม้ผลเศรษฐกิจ จะกลายเป็นสินค้าส่งออกขายผู้คนทั่วโลก 7พันล้านบาท แต่ละประเทศมีจำนวนเศรษฐีไม่เท่ากัน แค่ขายคนรวยทั่วโลก สัก 5 เปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากับมีลูกค้า 1,300 ล้านคนแล้ว เท่ากับหนึ่งประเทศไทย ปัจจุบันส้มโอของสวนสระแก้ว ส่งออกไปขายตลาดจีน ญี่ปุ่น

ปัจจุบันส้มโอสวนสระแก้ว กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการปลูกส้มโอส่งออกให้กับเกษตรกรที่สนใจและนักศึกษาสาขาเกษตรได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องการปลูกและบริหารจัดการสวนแบบมืออาชีพ คุณปรีชาได้ส่งเสริมให้ชาวบ้านในท้องถิ่นมีอาชีพปลูกพืชไร่ ประเภทมันสำปะหลังเป็นหลัก แต่รายได้ไม่เพียงพอสำหรับเลี้ยงดูครอบครัว

“ผมส่งเสริมความรู้แนวคิด เกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเผยแพร่แก่เกษตรกรในท้องถิ่น โดยให้แต่ละครอบครัวปลูกพืชผักอย่างน้อยครอบครัวละ 1 ไร่ เช่น มะละกอ ผักกุยช่าย ฯลฯ จะมีรายได้ไร่ละ 50,000 บาท และส่งเสริมปลูกส้มโอ เพราะเป็นผลไม้ที่ให้ผลตอบแทนสูง ถึงไร่ละ 100,000 บาท” คุณปรีชา กล่าวในที่สุด

ขอขอบคุณภาพประกอบข่าวจากเฟซบุ๊ก ส้มโอ สวนสระแก้ว